แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยิ้มร่าเมื่อมูลค่าหุ้นสโมสรทะยานสูงลิบลิ่วถึงขั้นทำสถิติสูงสุดตลอดกาลอย่างน่าจับตามอง ทั้งๆ ที่ผลงานในสนามมาถึงจุดตกต่ำหลังจากเพิ่งจะบุกไปแพ้ ไบรท์ตัน 2-3 ไปอย่างพลิกล็อกในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม ที่ผ่านมา
นอกจากผลการแข่งขันจะไม่ถูกใจแฟนบอลแล้วนั้น เรื่องราวการซื้อตัวนักเตะใหม่ที่ประสบความล้มเหลวก็กลายเป็นประเด็นร้อน เฉกเช่นเดียวกับกรณีมหากาพย์ ปอล ป็อกบา กองกลางซูเปอร์สตาร์ ปรารถนาจะย้ายสังกัด ภายหลังมีปัญหาคาใจกับ โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือชาวโปรตุเกส ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสถานการณ์เชิงลบในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม ประเด็นทั้งหมดดูเหมือนจะไม่มีผลกระทบต่อบริษัทโดยรวม ในเมื่อราคาหุ้นกลับพุ่งติดเพดานเป็นประวัติการณ์ เมื่อมีมูลค่าทำสถิติใหม่ 24.20 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 798.6 บาท) ที่ ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ในมหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนปิดตลาดในราคา 23.10เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 762.3 บาท)
ราคาหุ้นดังกล่าวมีความหมายว่ามูลค่าการตลาดของ “ปีศาจแดง” จะเท่ากับประมาณ 3 พันล้านปอนด์ (ประมาณ 129,000 ล้านบาท) โดยที่สโมสรเตรียมตัวฉลองใหญ่ได้เลยเมื่อจะฟันรายรับครึ่งพันล้านปอนด์เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน
ทั้งนี้ ผลสรุปปีงบประมาณ 2018 คาดว่าจะประกาศได้ในเดือนกันยายนนี้ โดย แมนฯ ยูไนเต็ด คาดการณ์ว่าน่าจะทำรายได้ 575-585 ล้านปอนด์ (ประมาณ 24,725-25,155 ล้านบาท) ในช่วงไตรมาสที่สาม หลังจากที่ทำสถิติรายรับในปี 2017 มาแล้ว 581.2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 24,991.6 ล้านบาท) และ 515.3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 22,157.9 ล้านบาท) ในปี 2016
