‘ขสมก.’ ปรับเวลาวิ่ง ‘รถเมล์’ รอบแรกเป็นตี 4 สอดคล้องมาตรการคลายล็อกระยะ 3 คาดผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีก 2-3 หมื่นคน
องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กระทรวงคมนาคม ปรับเวลาให้บริการรถโดยสารประจำทาง (รถเมล์) ทุกประเภท จากเดิมเวลา 05.00 – 22.00 น. เป็นเวลา 04.00 – 22.00 น. ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการคลายล็อกกลุ่มกิจการและกิจกรรม ระยะที่ 3 ตามมติที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค.
นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เปิดเผยว่า การผ่อนปรนมาตรการระยะที่ 3 ตามมติดังกล่าว จะส่งผลผู้ใช้บริการรถเมล์ ขสมก. เพิ่มขึ้นอีก วันละประมาณ 20,000 – 30,000 คน เป็นวันละประมาณ 620,000 – 630,000 คน
‘ขสมก.’ ปรับเวลาวิ่ง ‘รถเมล์’ ในช่วงการผ่อนปรนมาตรการระยะที่ 3 ดังนี้
- จัดรถเมล์ออกวิ่ง 95 % หรือ 2,855 คันต่อวัน หรือจัดรถออกวิ่งให้สอดคล้องกับความต้องการใช้บริการของประชาชนในแต่ละช่วงเวลา
- ปรับเวลาการให้บริการของรถเมล์ จากเวลา 05.00 – 22.00 น. (เวลา 22.00 น. คือเวลาที่รถกลับถึงอู่จอดรถ) เป็นให้บริการ เวลา 04.00 – 22.00 น.(เวลา 22.00 น. คือเวลาที่รถกลับถึงอู่จอดรถ) เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป โดยจะเพิ่มความถี่ในการปล่อยรถ ช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า (04.00 – 08.00 น.) และช่วงเวลาก่อนเคอร์ฟิว (21.00 – 22.00 น.) ให้มีระยะห่างกันไม่เกิน 5 – 10 นาที
- ปล่อยรถเมล์คันสุดท้าย ออกจากท่าปลายทางประมาณ 21.00 น. เพื่อให้พนักงานสามารถนำรถกลับเข้าอู่จอดรถได้ทันเวลา 22.00 น. โดยปรับเพิ่มความถี่ในช่วงการปล่อยรถ 3 คันสุดท้าย ให้มีระยะห่างกัน 5 – 10 นาที ซึ่งรถเมล์ 3 คันสุดท้าย จะติดป้ายข้อความบ่งชี้บริเวณหน้ารถ ดังนี้ เหลือรถ 2 คันสุดท้าย, เหลือรถ 1 คันสุดท้าย และรถคันสุดท้าย
นายสุระชัยกล่าวต่อว่า แม้รัฐบาลจะผ่อนปรนมาตรการระยะที่ 3 แล้ว แต่ก็ขอความร่วมมือผู้ใช้บริการรถเมล์ปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19
ได้แก่ การสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งขณะใช้บริการรถเมล์ การนั่งหรือยืนตามจุดที่กำหนด (รถ 1 คัน อนุญาตให้ผู้ใช้บริการยืนได้ไม่เกิน 10 คน) กรณีผู้ใช้บริการเต็มจะต้องรอใช้บริการรถเมล์คันถัดไป รวมทั้ง ขอความร่วมมือผู้ใช้บริการ เตรียมตัวกลับบ้านก่อนเวลา 19.00 น. เพื่อลดความแออัดของผู้ใช้บริการบนรถในช่วงเวลาก่อนเคอร์ฟิว ระหว่าง 21.00 – 22.00 น. ซึ่งจะทำให้การดำเนินการตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมบนรถเมล์ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
