ยื่นอุทธรณ์เยียวยาเกษตรกรวันสุดท้าย! ย้ำอีกครั้ง! เกษตรกรมีปัญหารับเงินเยียวยา 15,000 บาท เร่งอุทธรณ์ภายในวันนี้ ได้ที่ทั้ง 8 หน่วยงานใกล้บ้าน
ยื่นอุทธรณ์เยียวยาเกษตรกรวันสุดท้าย! นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ขอให้เกษตรกรที่ถูกตัดสิทธิ์ หรือไม่ได้รับเงินเยียวยาให้ เร่งยื่นอุทธรณ์เยียวยาเกษตรกรวันสุดท้ายวันนี้ (5 มิ.ย.) ที่หน่วยงานรับขึ้นทะเบียนเกษตรกร 8 แห่ง ในส่วนภูมิภาค ได้แก่ สำนักงานเกษตรอำเภอ/จังหวัด สำนักงานประมงจังหวัด/อำเภอ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัด/อำเภอ สำนักงานหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ เขต/เครือข่าย สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) จังหวัด/สาขา เขตระบบบริหารอ้อยและน้ำตาลทราย 1-8 และศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายภาค 1-4 และสำนักงานสรรพสามิตจังหวัด
ทั้งนี้เกษตรกรสามารถไปแจ้งยื่นอุทธรณ์เยียวยาเกษตรกรได้ที่หน่วยงานใดก็ได้ที่ใกล้บ้าน เช่น ขึ้นทะเบียนเกษตรกรชาวสวนยาง แต่อยู่ใกล้สำนักงานเกษตรอำเภอ ให้ไปแจ้งได้มีเจ้าหน้าที่รับเรื่อง เพื่อตรวจสอบทุกกรณี ส่วนระบบออนไลน์เข้าใช้บริการที่ www.moac.go.th
สำหรับคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์สิทธิ์มีนายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน โดยมอบนโยบายไปแล้วว่าให้ช่วยเหลือเกษตรกรอย่างทั่วถึงตามวัตถุประสงค์ของรัฐบาล ยกเว้นกลุ่มที่คณะกรรมการการกลั่นกรองการใช้เงินกู้ได้เสนอ ครม.มีมติไม่จ่าย เช่น ผู้ที่อยู่ในโครงการ เราไม่ทิ้งกัน ข้าราชการบำนาญ ผู้ประกันตน ข้าราชการประจำ และลูกจ้างราชการ ซึ่งนอกเหนือจากมติ ครม.ให้ยกเว้น ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สามารถจ่ายให้เกษตรกรที่มีคุณสมบัติครบถ้วนทุกราย
นายเฉลิมชัย กล่าวว่าเมื่อมีการแจ้งอุทธรณ์ หากเรื่องใดหน่วยงานในส่วนภูมิภาคพิจารณาและสรุปผลได้ ให้ดำเนินการทันที หากนอกเหนืออำนาจต้องเร่งส่งมายังคณะกรรมการฯระดับกระทรวง โดยปลัดกระทรวงเกษตรฯ จะประชุมคณะกรรมการครั้งแรกวันที่ 8 มิถุนายน 2563 ขอให้เกษตรกรกระทรวงเกษตรฯ ที่ต้องการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 ทุกคน
นายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ยอดโอนล่าสุด 7,103,721 ราย เป็นเงิน 35,518.60 ล้านบาท สำหรับจำนวนเกษตรกรซึ่งบัญชีธนาคารมีปัญหาหรือไม่ได้แจ้งหมายเลขธนาคารมาในสัปดาห์ที่แล้วมี 356,080 ราย จากการที่ ธ.ก.ส.ทุกสาขาและหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ส่วนภูมิภาคทั่วประเทศเร่งประชาสัมพันธ์และไปหาเกษตรกรถึงบ้าน ทำให้ได้บัญชีธนาคารมาแล้ว คงเหลืออยู่ระหว่างติดตาม 62,714 ราย
ทั้งนี้ หมายเลขบัญชีของเกษตรกรที่ได้เพิ่มมา 293,366 ราย ส่วนใหญ่เป็นบัญชีต่างธนาคาร ซึ่ง ธ.ก.ส.จะส่งชื่อและหมายเลขบัญชีให้ธนาคารนั้นๆ ตรวจสอบความถูกต้อง คาดว่าจะแจ้งกลับมายัง ธ.ก.ส.วันนี้ จากนั้น ธ.ก.ส.จะโอนให้วันที่ 8 มิถุนายนนี้ “ขอให้เกษตรกรที่ยังไม่ได้แจ้งหมายเลขบัญชี แจ้งได้ที่ ธ.ก.ส.ทุกสาขาใกล้บ้านหรือแจ้งผ่านระบบออนไลน์ที่ https://agri.baac.or.th/เพื่อจะได้โอนเงินให้ตามสิทธิ์เร็วที่สุด” นายกษาปณ์ กล่าว
“มาตรการเยียวยาเกษตรกร” ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 มีการให้ความช่วยเหลือเช่นเดียวกับ “โครงการ เราไม่ทิ้งกัน” คือจ่ายเงินเยียวยาเดือนละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือน พฤษภาคม-กรกฎาคม 2563 ผ่านการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2563 ทั้งนี้เกษตรกรสามารถตรวจสอบผลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรได้ด้วยตนเองง่าย ๆ ผ่านเว็บไซต์ www.moac.go.th ซึ่งได้รวบรวมไว้ให้แล้วดังนี้
- ตรวจสอบผลการขึ้นทะเบียนเกษตรกร “ด้านพืช”
- ตรวจสอบผลการขึ้นทะเบียนเกษตรกร “ด้านปศุสัตว์“
- ตรวจสอบผลการขึ้นทะเบียนเกษตรกร “ยางพารา“
หลังจากตรวจสอบการขึ้นทะเยียนเกษตรกร โดยการกรอกหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก หากพบรายชื่อว่า “ได้รับสิทธิ์” ในประกาศแล้ว รอกระทรวงการคลังพิจารณาจ่ายเงินเยียวยาเกษตรกรโดยจะโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง 2 กรณี ดังนี้
- เกษตรกรมีบัญชีเงินฝากกับ ธ.ก.ส. แล้ว สามารถใช้บัญชีเงินฝากเดิมได้โดยไม่ต้องมาเปิดบัญชีใหม่
- เกษตรกรที่ไม่มีบัญชีเงินฝากกับ ธ.ก.ส. สามารถแจ้งบัญชีเงินฝากที่มีอยู่กับธนาคารใดก็ได้ ผ่านเว็บไซต์ www.เยียวยาเกษตรกร.com
เกษตรกรกลุ่มที่ 1 ขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลก่อน 30 เมษายน 2563 เริ่มโอนเงินตั้งแต่วันที่ 15-29 พฤษภาคม 2563 สามารถอุทธรณ์ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 5 มิถุนายน 2563
เกษตรกรกลุ่มที่ 2 ขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลก่อน 1-15 พฤษภาคม 2563 คาดว่าจะจ่ายเงินได้ภายในสิ้นเดือนพฤษภาคม 2563 สามารถอุทธรณ์ได้ถึงวันที่ 5 มิถุนายน 2563
เกษตรกรกลุ่มที่ 3 ยังไม่ได้ทำการเพาะปลูก แต่ได้มาลงทะเบียนแจ้งความจำนงเพาะปลูกภายใน 15 พฤษภาคม 2563 และจะมีการปลูกพืชจริงก่อน 30 มิถุนายน 2563 ที่มีจำนวนอยู่ประมาณ 1.3 แสนคน จะได้รับเงินทีเดียว 3 เดือน คือ 15,000 บาท สามารถอุทธรณ์ได้ตั้งแต่ วันที่ 27-31 กรกฎาคม 2563 โดยในกลุ่มนี้ต้องผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีเสียก่อน
