Technology

เสี่ยวหมี่ฟื้นคืนชีพ โชว์รายได้ครึ่งปี 1.19 หมื่นล้านดอลลาร์

เสี่ยวหมี่
ภาพจากเอเอฟพี

การเพิ่มขึ้นของรายได้ที่มาจากยอดขายสมาร์ทโฟนเสี่ยวหมี่กำลังเป็นที่น่าจับตาในหมู่นักลงทุน โดยเสี่ยวหมี่ออกมาประกาศว่า บริษัทขายสมาร์ทโฟนได้ 32 ล้านเครื่องในไตรมาสที่ผ่านมา ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดของเสี่ยวหมี่เพิ่มขึ้นจากไม่ถึง 4% ในปี 2559 มาแตะที่ตัวเลข 8.9% ได้ในที่สุด

โดยปัจจุบัน เสี่ยวหมี่ถือเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่อันดับสี่ของโลก และกำลังก้าวขึ้นมาเทียบเคียงกับซัมซุง และแอปเปิลมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ ผลประกอบการของเสี่ยวหมี่เคยหล่นไปอยู่ที่ 67,000 ล้านดอลลาร์เมื่อปี 2558 ก่อนจะเขยิบขึ้นมาเพียงนิดเดียวเป็น 68,000 ล้านดอลลาร์เมื่อปี 2559 จากนั้น เสี่ยวหมี่ก็พุ่งทะยานทำรายได้แตะ 1.15 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2560

ส่วนในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมานี้ เสี่ยวหมี่ทำยอดขายไปได้แล้วถึง 80,000 ล้านดอลลาร์ซึ่งทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 8.9%

โดยผู้บริหารของเสี่ยวหมี่ระบุว่า กลยุทธ์ของบริษัทคือการผลิตสมาร์ทโฟนเพื่อจับกลุ่มผู้ใช้งานระดับบน รวมถึงสินค้าในกลุ่ม IoT ที่ช่วยสร้างการเติบโตของตลาด

สำหรับในไตรมาส 2 ของปีนั้น เสี่ยวหมี่รายงานผลการดำเนินงานพบว่า บริษัทมีรายได้ 4.5 หมื่นล้านหยวน หรือราว 6.6 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.91 หมื่นล้านหยวน และเติบโต 68.3% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

โดยกำไรสุทธิของเสี่ยวหมี่อยู่ที่ 1.46 หมื่นล้าน ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากที่เคยขาดทุน 7.03 พันล้านหยวนเมื่อไตรมาส 1 ของปี สำหรับรายได้หลักของเสี่ยวหมี่ยังคงมาจากสมาร์ทโฟน โดยสามารถทำรายได้ 3.05 หมื่นล้านหยวนในไตรมาสนี้ โดยถือเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 58.7% เลยทีเดียว นอกจากนั้นยังพบว่า ราคาขายเฉลี่ยของเสี่ยวหมี่นั้นก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า แบรนด์ของเสี่ยวหมี่เริ่มสามารถเจาะเข้าไปยังกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ได้แล้ว

สวนทางกับที่ผ่านมา ที่เสี่ยวหมี่วางกลยุทธ์ของผลิตภัณฑ์เอาไว้ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมฟีเจอร์ทรงประสิทธิภาพในระดับราคาประหยัด

โดยสิ่งที่นักวิเคราะห์กังวลกันในตอนนี้ก็คือ เสี่ยวหมี่อาจไม่สามารถแตกไลน์ธุรกิจให้ออกมาจากธุรกิจฮาร์ดแวร์ได้ ซึ่งธุรกิจฮาร์ดแวร์นั้นเป็นที่ทราบกันดีว่ามาร์จินต่ำนั่นเอง

ด้วยเหตุนี้ การที่ฮาร์ดแวร์อย่างสมาร์ทโฟนและทีวียังเป็นรายที่มาของได้เสี่ยวหมี่มากถึง 70% และ 20% ตามลำดับนั้น ย่อมแสดงให้เห็นว่า เสี่ยวหมี่ต้องเร่งผลักดันบริการด้านอินเทอร์เน็ต รวมถึงบริการด้านสตรีมมิ่งเพลงอีกพอสมควรเลยทีเดียว

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight