จอร์จ ฟลอยด์ ชาวอเมริกัน – แอฟริกัน เสียชีวิตหลังถูกตำรวจควบคุมตัวในเมืองมินนิแอโพลิส สถานการณ์ที่กลายเป็นชนวนเหตุให้เกิดการประท้วงทั่วสหรัฐ ที่หลายเหตุการณ์บานปลายเป็นการจลาจล มาดูกันว่า เรื่องราวนี้มีความเป็นไปเป็นมาอย่างไร
25 พฤษภาคม : จอร์จ ฟลอยด์ เสียชีวิตขณะถูกจับกุม
จอร์จ ฟลอยด์ วัย 46 ปี ถูกตำรวจจับกุมที่เมืองมินนิแอโพลิส รัฐมินนิโซตา หลังถูกกล่าวหาว่า ใช้ธนบัตร 20 ดอลลาร์ ซื้อสินค้าในร้านท้องถิ่น เขาเสียชีวิตขณะอยู่ในการควบคุมตัวของตำรวจ
ต่อมา มีผู้นำคลิปวีดิโอที่ถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือโพสต์ขึ้นบยเฟซบุ๊ก แสดงให้เห็นว่า ตำรวจนายหนึ่งกดตัวฟลอยด์ ลงกับพื้น และใช้เข่ากดเข้าบริเวณคอของฟลอยด์ ในขณะที่เขายังถูกใส่กุญแจมืออยู่ ซึ่งได้ยินเสียงฟลอยด์บอกหลายครั้งว่า เขาหายใจไม่ออก โดยตำรวจใช้เข่ากดคอฟลอยดอยู่นาน 8 นาที 46 วินาที จนเขาแน่นิ่งไป ก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา และคลิปนี้กลายมาเป็นไวรัลบนโลกออนไลน์
26 พฤษภาคม : ตำรวจ 4 นายโดนไล่ออก
เบน ครัมป์ ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ประกาศตัวเป็นตัวแทนให้กับครอบครัวฟลอยด์ เพื่อหาความยุติธรรมในเรื่องนี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นายที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของฟลอยด์โดยไล่ออก
บรรดาผู้ประท้วง พากันมารวมตัวกันบริเวณที่เกิดเหตุ และที่สถานีตำรวจเขต Third Precinct ผู้ประท้วงบางส่วนได้ทุบทำลายรถตำรวจ ตำรวจได้ใช้กระสุนยางและแก๊สน้ำตา เข้าสลายการชุมนุนม ซึ่งเหตุการณ์นี้ กลายมาเป็นการประท้วงคดีจอร์จ ฟลอยด์ คืนแรกในมินนิแอโพลิส
27 พฤษภาคม : เหตุประท้วงลามไปยังเมืองอื่นๅ
หลายเมืองในสหรัฐ รวมถึง นครลอสแอนเจลิส และเมมฟิส เริ่มเกิดการชุมนุนมประท้วง เรียกร้องความยุติธรรมให้กับการเสียชีวิตของฟลอยด์
ในเมืองมินนิแอโพลิส การประท้วงอย่างสงบ กลายเป็นเหตุรุนแรง มีการจุดไฟเผา และการบุกเข้าปล้นร้านค้าต่างๆ เกิดขึ้น ตำรวจพยายามสลายฝูงชนด้วยกระสุนยาง และแก๊สน้ำตา
28 พฤษภาคม : ดึงกองกำลังพิทักษ์ชาติคุมสถานการณ์
เหตุประท้วงรุนแรงในช่วงกลางคืน ทำให้ ทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา ลงนามในคำสั่งผู้ว่าการ ให้กองกำลังพิทักษ์ชาติมินนิแอโพลิส เข้ามาควบคุมสถานการณ์ ซึ่งในอีกไม่กี่วันต่อมา ผู้ว่าการรัฐอื่นๆ ก็ใช้วิธีเดียวกันนี้ ท่ามกลางความรุนแรงที่เพิ่มขึ้น
29 พฤษภาคม : ตำรวจถูกจับ พร้อมตั้งข้อหา
เดเรค ชอวิน อดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ใช้เข่ากดทับคอฟลอยด์ จนเสียชีวิต ถูกจับกุมใน 2 ข้อหา คือ ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไม่ไตร่ตรองไว้ก่อน และ ข้อหาฆาตกรรมระดับสาม คือ การตั้งใจใช้กำลังประทุษร้ายผู้อื่นให้เกิดอันตรายร้ายแรง แต่ไม่เจตนาให้ถึงแก่ชีวิต ซึ่งเป็นข้อหาที่มีโทษจำคุกรวมกันแล้ว สูงสุด 35 ปี
ครอบครัวของฟลอยด์เรียกร้องให้ตั้งข้อหาฆาตกรรมระดับหนึ่ง หรือจงใจฆ่า และว่าควรมีการจับกุมอดีตตำรวจอีก 3 นาย และตั้งข้อหาพวกเขาด้วย
ภรรยาของ เดเรก ชอวิน ผู้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมาเกือบ 10 ปี ได้ประกาศแยกทางและยื่นเรื่องขอหย่าขาดจากสามีทันที หลังจากรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา ประกาศเคอร์ฟิว และมีเมืองอื่นๆ อีกนับสิบเมือง บังคับใช้เคอร์ฟิวเช่นกัน หลังการชุมนุมประท้วงอย่างสงบ กลายมาเป็นความรุนแรง และปล้นสดมภ์
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จุดชนวนให้เกิดความขัดแย้ง เมื่อเขาทวีตข้อความเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “เมื่อการปล้นเกิดขึ้น การยิงก็จะเกิดขึ้น” ขณะที่ทวิตเตอร์ติดป้ายต่อทวีตนี้ของผู้นำสหรัฐ ระบุว่า ละเมิดกฎเกี่ยวกับการสนับสนุนความรุนแรง
31 พฤษภาคม : เปลี่ยนตัวผู้ดำเนินคดี
ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา ประกาศว่า คีธ เอลลิสัน อัยการสูงสุดของรัฐ จะเข้ามารับผิดชอบในคดีนี้ ต่อจากอัยการเขต
ชาวอเมริกันหลายพันคนเดินขบวนประท้วงอย่างสงบทั่วประเทศ แต่มีในบางพื้นที่ที่เกิดความรุนแรงขึ้นมา และมีการปะทะกับตำรวจ รวมถึง ในพื้นที่ใกล้ทำเนียบขาว
1 มิถุนายน : เปิดผลชันสูตรศพ
ทีมกฎหมายของฟลอยด์ บอกว่า ผลการชันสูตรศพอิสระ บ่งชี้ว่า การเสียชีวิตของเขาเป็นการฆาตกรรม ที่เกิดจากการขาดอากาศหายใจ เพราะคอ และหลังถูกกดทับไว้ ทำให้ขาดเลือดไหลไปยังสมอง ซึ่งขัดแย้งกับผลการชันสูตรของเขตเฮนเนปิน ที่ประกาศสาเหตุการเสียชีวิตว่า เกิดจากภาวะหัวใจวาย
การประท้วงขยายวงกว้าง และรุนแรงมากขึ้น แม้ส่วนใหญ่เป็นการประท้วงโดยสงบ แต่ก็เกิดการก่อจลาจลในหลายพื้นที่ กลุ่มผู้ประท้วงบุกทำลายโชว์รูมรถหรู และร้านค้าสินค้าหรูแบรนด์ในย่านคนรวยหลายแห่ง ทั้งในนครลอสแอนเจลิสและมหานครนิวยอร์ก
ผู้ประท้วงอย่างน้อย 7 ราย ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงเสียชีวิต
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศสนับสนุนการประท้วงอย่างสงบ แต่ประณามผู้ประท้วงที่ก่อจลาจล กล่าวว่าการกระทำของคนกลุ่มนี้คือ “การก่อการร้าย” พร้อมประกาศตัวเองว่าเป็น Law & Order (การรักษากฎหมายและความสงบเรียบร้อย) ขู่นำกองทัพและทหารมาปราบปรามผู้ประท้วง หากไม่ยุติความรุนแรง
2 มิถุนายน : ยื่นฟ้องกรมตำรวจมินนิแอโพลิส
กรมสิทธิพลเมือง รัฐมินนิโซตา ยื่นฟ้องกรมตำรวจเมืองมินนิแอโพลิส ในข้อหาเกี่ยวกับสิทธิพลเมือง ที่เกี่ยวข้องกับการตายของฟลอยด์
ภรรยาของ เดเรก ชอวิน ออกมากล่าวว่า จะเปลี่ยนทั้งชื่อและนามสกุล ไม่ใช้นามสกุลของเขาอีกต่อไป ทั้งยังยืนกรานว่าจะไม่รับเงินค่าเลี้ยงดู สินสมรส และเงินช่วยเหลือใด ๆ ทั้งสิ้นจากสามี แม้แต่ดอลลาร์เดียว
- จอร์จ ฟลอยด์ ต้องได้รับความยุติธรรม! หลายประเทศร่วมประท้วง
- เปิดสอบ ‘สำนักตำรวจรัฐ’ ปมเลือกปฏิบัติกรณี ‘จอร์จ ฟลอยด์’ ดับสลด
- จาก ‘จอร์จ ฟลอยด์’ สู่การเรียกร้องความเป็นธรรมให้ ‘อะบอริจิน’ ในออสเตรเลีย