Finance

ศูนย์วิจัยกสิกรฯสั่งจับตา 3 เสี่ยงกระทบเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง

monryMKT Brand
ภาพจาก kasikornresearch

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า มาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐต่อนานาประเทศน่าจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าไทยในช่วงครึ่งปีหลังมากกว่าช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งก็จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งนอกเหนือจากปัจจัยฐานที่สูงในปีก่อนที่จะทำให้เส้นทางการส่งออกสินค้าไทยในช่วงครึ่งปีหลังขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากช่วงครึ่งปีแรกที่เติบโตสูงถึง 11.0% ทำให้ตลอดทั้งปี 2561 มูลค่าส่งออกสินค้าไทยน่าจะขยายตัวที่ 8.8%

ทั้งนี้การส่งออกไทยในเดือน กรกฎาคม 2561 มีมูลค่า 20,423.9 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 8.3% จากการส่งออกสินค้าหลักที่เติบโตดีตามการฟื้นตัวที่ต่อเนื่องของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบโลกที่อยู่ในระดับสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนก็ยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนมูลค่าส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับปิโตรเลียมให้ขยายตัวสูงต่อเนื่อง

ขณะที่การนำเข้าของไทยเดือน กรกฎาคม 2561 มีมูลค่าอยู่ที่ 20,940.1 ล้านดอลลาร์ขยายตัว 10.5% ซึ่งส่วนหนึ่งได้อานิสงส์มาจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวดีติดต่อกันนาน 17 เดือนที่ช่วยหนุนการนำเข้าสินค้าทุนและสินค้าวัตถุดิบ/กึ่งสำเร็จรูปบางประเภทให้ขยายตัวดี ประกอบกับการบริโภคภายในประเทศฟื้นตัวต่อเนื่อง ทำให้มีการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค และรถยนต์นั่งเพิ่มขึ้น

“ต้องติดตามตัวเลขการนำเข้าสินค้าทุนในเดือนต่อๆ ไป หลังจากขยายตัวชะลอลงในเดือนกรกฎาคม 2561 ซึ่งอาจจะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงผลกระทบของข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน หรือสะท้อนถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าในระยะข้างหน้า” เอกสารระบุ

สำหรับการส่งออกสินค้าไทยไปยังตลาดสหรัฐและจีนชะลอตัวในเดือนกรกฎาคม 2561 โดยมูลค่าส่งออกสินค้าไทยไปยังสหรัฐเดือนกรกฎาคม 2561 ติดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 21 เดือน ที่ -1.9% จากการหดตัวของการส่งออกเครื่องจักรและส่วนประกอบ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และอาหารสำเร็จรูปเป็นสำคัญ

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า สินค้าส่งออกไทยไปสหรัฐหลายรายการแม้จะมีมูลค่าการส่งออกไม่สูง (ไม่ใช่สินค้าส่งออกหลักและสินค้าส่งออกศักยภาพของไทยไปสหรัฐ) แต่ก็ทยอยได้รับผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐ ทั้งที่จัดเก็บจากไทยโดยตรง เช่น เหล็กและเหล็กกล้า (หดตัว 34.6%) และได้รับผลกระทบทางอ้อมผ่านการจับเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา เช่น ผลิตภัณฑ์พลาสติกประเภทแผ่นฟิล์ม ฟอยล์และแถบ (หดตัว 16.3%) เครื่องใช้สำนักงานที่ทำจากพลาสติก (หดตัว 66.2%) อุปกรณ์กึ่งตัวนำ (หดตัว 77.7%)

ขณะที่มูลค่าส่งออกสินค้าไทยไปยังจีนชะลอลงมาอยู่ที่ 3.6% ในเดือนกรกฎาคม 2561 (เดือนมิ.ย. ขยายตัว 11.8%) จากการหดตัวของการส่งออกสินค้าในหมวดเกษตรกรรม/อุตสาหกรรม (เช่น ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา น้ำตาลทราย) การส่งออกไม้แปรรูป รวมถึงรถยนต์นั่ง นอกจากนี้ สินค้าส่งออกไทยไปจีนบางรายการเริ่มได้รับผลกระทบจากการที่สหรัฐ จัดเก็บภาษีศุลกากรอัตราใหม่จากการนำเข้าสินค้าจีน เช่น ไวนิลคลอไรด์ (หดตัว 56.2%) เป็นต้น

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ยังมีอีกหลายประเด็นที่ต้องติดตามต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลังไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ (1) ข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่ในปัจจุบันยังหาข้อสรุปไม่ได้ และในวันที่ 23 สิงหาคม 2561 สหรัฐจะจัดเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 25% จากการนำเข้าสินค้าจีนมูลค่า 16,000 ล้านดอลลาร์ (2) ปัญหาเศรษฐกิจตุรกีที่คาดว่าจะยืดเยื้อไปจนถึงปี 62 ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อความผันผวนในอัตราแลกเปลี่ยนและการเคลื่อนย้ายเงินทุนของโลก รวมไปถึง (3) ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับอิหร่าน ที่อาจจะส่งผลต่อความผันผวนในราคาน้ำมันดิบโลก

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK