ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (2 มิ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ดาวโจนส์ และเอสแอนด์พี 500 พร้อมใจทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน ท่ามกลางมุมมองด้านบวกเกี่ยวกับการเปิดเศรษฐกิจใหม่ หลังจากที่โดนล็อกดาวน์นานหลายสัปดาห์ ช่วยต้านแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการประท้วงที่กำลังเกิดขึ้นทั่วประเทศ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 25,608.67 จุด เพิ่มขึ้น 133.65 จุด หรือ 0.52% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 3,062.54 จุด ปรับขึ้นมา 6.81จุด หรือ 0.22% และดัชนีแนสแด็กที่ 9,531.59 จุด ลดลง 20.46 จุด หรือ 0.21%
หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจสหรัฐ เช่น โรงแรม สายการบิน ห้างสรรพสินค้า และธุรกิจเรือสำราญ ต่างก็ปรับตัวขึ้น โดยตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันในวันนี้ด้วย
ตลาดแทบไม่ได้รับผลกระทบจากความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในสหรัฐ หลังประชาชนต่างลุกฮือประท้วงการที่ตำรวจใช้ความรุนแรงต่อชายผิวสีคนหนึ่งจนเสียชีวิต
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ระบุว่า ปัจจัยดังกล่าวอาจกระทบตลาด หากการประท้วงยืดเยื้อผ่านช่วงฤดูร้อน จนทำให้รัฐบาลระงับแผนผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
นักลงทุนยังคงจับตาความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนในระยะนี้ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะยกเลิกสถานะพิเศษของฮ่องกง เพื่อตอบโต้จีนที่ได้บังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่สำหรับฮ่องกง ขณะที่มีรายงานว่า รัฐบาลจีนสั่งให้บริษัทรัฐขนาดใหญ่ ระงับการซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงถั่วเหลือง ทำให้นักลงทุนวิตกว่า การดำเนินการดังกล่าวอาจกระทบต่อข้อตกลงการค้าเฟสแรกที่จีนทำไว้กับสหรัฐในต้นปีนี้
วันนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ยังเปิดเผยว่า กิจกรรมภาคธุรกิจในนครนิวยอร์กฟื้นตัวขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว แรงหนุนจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งทำให้ภาคธุรกิจกลับมาเปิดกิจการ หลังจากรัฐบาลสั่งปิดเศรษฐกิจเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
