Politics

ว่างงานอ่านตรงนี้!! เผยตำแหน่งว่าง 55,000 อัตรา เช็คด่วนเลย

ว่างงานอ่านตรงนี้!! “กรมการจัดหางาน” เผยตำแหน่งว่าง 55,093 อัตรา พร้อมเปิด 5 ตำแหน่งงานที่ต้องการมากที่สุด

ว่างงาน อ่านตรงนี้ : นายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดี กรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยต่อสถานการณ์การจ้างงานปัจจุบัน โดยมอบหมายให้กรมการจัดหางานเฝ้าติดตามพร้อมเตรียมตำแหน่งงานว่างเพื่อรองรับปัญหาการ ว่างงาน ของผู้ประกันตน ผู้จบการศึกษาใหม่รวมทั้งผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับโครงสร้างขององค์กรของภาคธุรกิจต่างๆ ซึ่งขณะนี้ กรมการจัดหางานได้รับแจ้งตำแหน่งงานว่าง รวม 55,093 อัตรา

ว่างงาน

ตำแหน่งงานที่ต้องการมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่

1. พนักงานขายสินค้า (ประจำร้าน), พนักงานขายของหน้าร้าน
2. แรงงานด้านการผลิต
3. ช่างอัญมณีและช่างประดิษฐ์เครื่องประดับอื่นๆ
4. ตัวแทนนายหน้าขายบริการธุรกิจอื่นๆ
5. พนักงานบัญชี ซึ่งเป็นตำแหน่งงานที่ต้องการผู้ที่จบการศึกษาตั้งแต่ระดับ ปวช.- ปวส. จนถึงปริญญาตรี

ทั้งนี้ ผู้ ว่างงาน หรือผู้สนใจสามารถขอรับคำปรึกษา หรือขอคำแนะนำในการประกอบอาชีพ รวมถึงติดต่อสมัครงานได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 ศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย (Smart Job Center) และทางเว็บไซต์ smartjob.doe.go.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เพจ “เสิร์ฟงานด่วน” และสายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน

ว่างงาน

อย่างไรก็ตาม ในช่วงสถานการณ์โควิด (เมษายน-พฤษภาคม 2563) มีประชาชนใช้บริการจัดหางานของกรมการจัดหางาน รวม 52,339 คนเป็นการใช้บริการที่ศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย (Smart Job Center) หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัดทั่วประเทศ 37,456 คน และใช้บริการสมัครงานผ่านเว็บไซต์ 14,883 คน สามารถทำให้คนไทยมีงานทำแล้วรวม 29,704 คน เป็นการบรรจุงานให้กับผู้ใช้บริการที่ศูนย์ฯ 26,319 คน และผู้ใช้บริการผ่านเว็บไซต์ 3,385 คน ตลอดจนให้คำปรึกษา แนะแนวอาชีพ และแนะนำการประกอบอาชีพอิสระ

ขณะเดียวกัน ได้เดินหน้าปรับปรุงระบบขึ้นทะเบียนและรายงานตัวผู้ประกันตนกรณีว่างงานผ่านอินเตอร์เน็ต (Empui) เพื่อรองรับความต้องการสมัครงานของผู้ประกันตนกรณีว่างงาน โดยเชื่อมโยงข้อมูลกับระบบอิเล็กทรอนิกส์ Smartjob เพื่อทำการจับคู่ข้อมูล(Matching) ตำแหน่งงานว่างกับผู้ประกันตนกรณีว่างงานที่ต้องการหางานในระบบ ให้เกิดการจ้างงานได้มากที่สุด

สำหรับประชาชนที่ต้องการหางานทำ กรมการจัดหางานมีช่องทางการให้บริการหลายช่องทาง คือ ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 ศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย (Smart Job Center) หรือทางเว็บไซต์ smartjob.doe.go.th นอกจากนี้ ยังสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน

ว่างงาน

ส่วนมาตรการส่งเสริมการจ้างงาน ตามโครงการจ้างงานเพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ระยะที่ 2 นั้น กรมการจัดหางานวางแผนจะดำเนินโครงการจ้างงานด่วน เฟส 2 ต่อหลังจากประสบความสำเร็จในการช่วยเหลือ บรรเทาผลกระทบจากปัญหาดังกล่าวได้เป็นอย่างดีในเฟสแรก โดยขณะนี้ได้ส่งหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อแจ้งสำนักงานจัดหางานจังหวัด และสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 เตรียมจ้างงานผู้ที่ผ่านการคัดเลือกและขึ้นทะเบียนผ่านการสัมภาษณ์ไว้ เพิ่มขึ้นอีก 400 คน หลังจากที่เฟสแรก มีผู้ว่างงานให้ความสนใจสมัครทำงานกว่า 8,000 คน และมีผู้ผ่านการคัดเลือก และขึ้นทะเบียนผ่านการสัมภาษณ์งานไว้กับกรมการจัดหางาน 3,189 คน เพื่อขยายผลการช่วยเหลือให้ครอบคลุมผู้ว่างงานจากผลกระทบของ COVID-19 ได้มากขึ้น คาดว่าจะสามารถเริ่มจ้างงานเฟส 2 ได้ ในเดือนมิถุนายนนี้

ขณะที่การจ้างงานในโครงการจ้างงานเพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 (ระยะที่ 1) ที่ผ่านมาได้รับผลตอบรับที่ดี ซึ่งช่วยลดปัญหาการว่างงานในช่วงของการแพร่ระบาดได้ในระดับหนึ่ง ในภาวะที่เศรษฐกิจของประเทศชะลอตัว แต่อย่างไรก็ดี ยังมีผู้ว่างงานจำนวนหนึ่งที่ยังต้องการความช่วยเหลือ กรมการจัดหางานจึงได้ปรับแผนการใช้งบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 มาใช้ในการจ้างงาน เพื่อบรรเทาผลกระทบของประชาชน

นายสุชาติ กล่าวอีกว่า ตามที่กรมการจัดหางานมีนโยบายในการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ อย่างมีศักดิ์ศรีและมีคุณภาพชีวิตที่ดี มุ่งส่งเสริมการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในประเทศที่มีศักยภาพ มีโอกาสได้รับการพัฒนาทักษะฝีมือ เพื่อนำกลับมาใช้ในประเทศโดยเฉพาะในสาขาที่มีความจำเป็นต่อการพัฒนาเสริมสร้างศักยภาพของประเทศ ขณะนี้ (ตุลาคม 2562-เมษายน 2563) ส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศแล้ว 47,368 คน คิดเป็น 47.37% ของเป้าหมายจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศที่ตั้งไว้ 100,000 คน

ทั้งนี้ จัดส่งไปทำงานไต้หวันมากที่สุด 14,071 คน รองลงมาคือ สาธารณรัฐเกาหลี 5,755 คน มาเลเซีย 5,059 คน ญี่ปุ่น 4,481 คน และอิสราเอล 3,273 คน สร้างรายได้เข้าประเทศ 76,362 ล้านบาท ซึ่งหากประเทศไทยสามารถส่งแรงงานไทยได้ตามเป้าหมาย จะมีรายได้เข้าประเทศไม่น้อยกว่าปีละ 140,000 ล้านบาท นับเป็นแนวทางในการส่งเสริมการมีงานทำที่สามารถนำเงินตราเข้าประเทศได้จำนวนมาก

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK