ในเดือนมิถุนายน 2563 ผู้ถือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน มีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลทั้งหมด 7 รายการ ส่วนวงเงินจะเป็นเท่าไหร่ และโอนเข้าวันไหน ไปเช็คกันเลย!
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คืออะไร
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นบัตรที่ทางรัฐบาลได้จัดตั้งขึ้นมา เพื่อช่วยเหลือพร้อมจัดสวัสดิการให้กับผู้ที่มี่รายได้น้อย ทั่วประเทศนั่นเอง และยังเป็นเงินช่วยเหลือรายละไม่เกิน 3,000 บาท ทั้งนี้เพื่อต้องการยกระดับชีวิตคุณภาพประชาชนให้ดีขึ้น และด้วยเหตุที่รัฐบาลนั้นสนับสนุน จึงทำให้มีหลายคนสนใจกันอย่างมาก ทำให้มีการเปิดรับลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นช่วงๆ ซึ่งรายละเอียดการลงทะเบียนนั้นอาจจะต้องติดตามข่าวสารว่าเปิดเมื่อไหร่ เพียงแต่ในช่วงที่รอการลงทะเบียนนั้น ควรเตรียมเอกสารต่างๆให้ครบตามเงื่อนไขของการลงทะเบียน
ใครสามารถลงทะเบียนได้บ้าง?
กระทรวงการคลังได้เปิดให้ผู้ที่มีรายได้น้อยที่ตรงตามคุณสมบัติลงทะเบียนเพื่อขอรับสวัสดิการดังกล่าว โดยผู้ที่มีสิทธิ์ลงทะเบียนต้องมีคุณสมบัติครบ ดังนี้
- มีสัญชาติไทย
- มีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
- มีสถานะว่างงาน หรือ มีรายได้รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 100,000 บาท
- ไม่มีทรัพย์สินทางการเงิน ได้แก่ เงินฝากธนาคาร สลากออมสิน สลาก ธ.ก.ส. พันธบัตรรัฐบาล และตราสารหนี้ หรือถ้ามีทรัพย์สินทางการเงินดังกล่าว จะต้องมีจำนวนรวมทั้งสิ้น ไม่เกิน 100,000 บาท
- ไม่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ตามกฎหมาย หรือถ้าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด
ในเดือนมิถุนายน 2563 ผู้ถือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน มีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลทั้งหมด 7 รายการ ส่วนวงเงินจะเป็นเท่าไหร่ และโอนเข้าวันไหน ไปเช็คกันเลย!
วันที่ 1 มิถุนายน 2563
- ค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นจากร้านธงฟ้าประชารัฐ วงเงิน 200-300 บาทต่อเดือน ซึ่งไม่สามารถกดเป็นเงินสดได้ โดยผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะได้รับทุกคน
- ค่าเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ ได้แก่ รถโดยสารประจำทาง (รถเมล์) และรถไฟฟ้า 500 บาท, รถโดยสาร บขส. (รถทัวร์ บขส.) 500 บาท และรถไฟ 500 บาท ซึ่งไม่สามารถเกิดเงินสดได้ โดยผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะได้รับทุกคน
- ค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 45 บาท ต่อ 3 เดือน โดยนำบัตรไปซื้อแก๊สกับร้านที่ร่วมรายการ แต่ไม่สามารถกดเป็นเงินสดได้ โดยผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะได้รับทุกคน
วันที่ 15 มิถุนายน 2563
- เงินผู้สูงอายุเพื่อการยังชีพเพิ่มเติม สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป วงเงิน 50-100 บาทตามเกณฑ์รายได้ โดยผู้สูงอายุที่มีรายได้ 0-30,000 บาทต่อปี จะได้รับเงินช่วยเหลือเดือนละ 100 บาท และรายได้ 30,001-100,000 บาทต่อปี จะได้เงินช่วยเหลือเดือนละ 50 บาท
- คืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม 5% สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เติมเงินเข้าบัตรฯ และใช้เงินจากบัตรฯ รูดซื้อสินค้าและบริการผ่านร้านธงฟ้าประชารัฐ หรือร้านค้าเอกชนอื่น ๆ ที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านเครื่อง EDC โดยรัฐจะคืนภาษี VAT 5% ผ่านกระเป๋าอิเล็กทรอนิกส์ (E-Money) ของบัตรฯ ซึ่งประชาชนสามารถกดออกมาเป็นเงินสด หรือรูดซื้อของตามร้านธงฟ้าและร้านค้าอื่น ๆ ที่ร่วมโครงการได้ แต่ยอดเงินคืนสูงสุดจะไม่เกิน 500 บาทต่อเดือน
วันที่ 18 มิถุนายน 2563
- ค่าน้ำประปา 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน โดยผู้ได้สิทธิคือ ครัวเรือนที่ใช้น้ำประปาไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด และได้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์เรียบร้อย
- ค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 230 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน โดยครัวเรือนที่ได้รับสิทธิ์คือ ผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด และได้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์เรียบร้อย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผู้ได้รับสิทธิมีเป็นจำนวนมาก เงินจึงทยอยเข้า ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐบาลบางรายอาจจะได้รับเงินช่วยเหลือหลังจากวันที่ระบุไว้
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ วิธีการตรวจสอบสิทธิ
สำหรับประชาชนบางส่วนที่สงสัยว่า ตนเองยังเป็นผู้มีสิทธิ์รับความช่วยเหลือจาก “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” หรือ “สวัสดิการสังคม” ประเภทต่างๆ หรือไม่ ก็สามารถได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง เพียงกรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลัง ผ่านทางเว็บไซต์ระบบฐานข้อมูลสวัสดิการสังคม ของกรมบัญชีกลาง ดังนี้
- เข้าไปที่เว็บไซต์ โครงการบูรณาการฐานข้อมูลสวัสดิการสังคม (e-Social Welfare)
- จากนั้นคลิกที่ปุ่ม ตรวจสอบสิทธิสวัสดิการสังคม
- กรอกหมายเลขบัตรประชาชน แล้วกดปุ่ม ตรวจสอบ
- หน้าจอแสดงผลการตรวจสอบ
หากเป็นผู้ได้รับสิทธิ จะปรากฏสวัสดิการที่ได้รับ เช่น จากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้รับค่าใช้จ่ายอะไร หรือได้สิทธิเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ หรือเบี้ยยังชีพผู้พิการ แต่ถ้าหากไม่ได้รับสิทธิใดๆ จะปรากฏข้อความ ไม่พบสิทธิ