Politics

เปิดใจท่ามกลางแรงกดดัน ให้ ‘สนธิรัตน์’ ลาออกจากเลขาธิการพลังประชารัฐ

“สนธิรัตน์” ลาออกจากเลขาธิการพลังประชารัฐ  ท่ามกลางแรงกดดัน ขณะที่ “เจ้าตัว” ยันเข้ามาทำการเมืองแบบสร้างสรรค์  ไม่ใช่ทำการเมืองแบบต่อรอง ไม่ใช่การตั้งก๊ก ตั้งก๊วน  

สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รักษาการเลขาธิกาพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดใจท่ามกลางความขัดแย้ง ภายในพรรคพลังประชารัฐ  ซึ่ง สนธิรัตน์ หนึ่งในผู้ที่ถูกกรรมการบริหารพรรคบีบให้ออกจากเลขาธิการพรรค และวันนี้จึงกลายเป็น รักษาการเลขาธิการพรรค ไปโดยปริยาย หลังจากกรรมการบริหารพรรคยื่นลาออกไป 18 คน ก่อนหน้านี้ ก้าวต่อไปที่กำลังถูกกดดันต่อนั้นคือ ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

สนธิรัตน์  อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในพลังประชารัฐว่า วันนี้เราควรทำการเมืองใหม่ ไม่ควรยึดติดการเมือง แบบแก๊ง ก๊วน ต่อรองหัวหน้าก๊วน  “ผมทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ ไม่ใช่ทำการเมืองแบบต่อรอง” เราต้องคำนึงว่าสิ่งที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พยายามออกมาคือการปฎิรูปการเมือง แม้จะปฎิรูปการเมืองไม่เสร็จ แต่เราก็ต้องทำตนให้เป็นตัวอย่าง ตอนนี้ผมว่ามันวังวลไปไกล การเมืองแย่กว่าเดิมแย่กว่าเดิมเยอะ เพราะเราปล่อยให้การเมืองเก่ามาครอบงำเพราะตอนนี้หิวโซกันทั้งหมด ทุกคนคิดจะถอนทุนกันไปหมด

สนธิรัตน์ รักษาการเลขาธิการพรรค

“ผมอยากเตือนสติผู้คนว่า เรากำลังพาการเมืองไปไหนกันเนี่ย เราเรียกร้องการปฎิรูปไม่ใช่หรือ เราเรียกร้องไม่เอาการเมืองแบบเก่าไม่ใช่หรือ แล้วทำไมเรามาถึงวันนี้ แล้วจะยอมให้เป็นไปกันแบบนี้กันหรือ การทำการเมืองต้องมีจุดยืน มีหลักการ ไม่ใช่ตะลุมบอลกัน วิธีคิดแบบนี้ประเทศอยู่ตรงไหนประชาชนอยู่ตรงไหน” สนธิรัตน์ สะท้อนความรู้สึกภาพการเมืองให้ฟัง

สนธิรัตน์ บอกด้วยว่าตอนนี้การเมืองยังไม่ได้พัฒนาไปสู่การปฎิรูปเท่าไหร่เลย เรายังไม่เห็นว่าการเมืองหลังการเลือกตั้งครั้งแรก หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงได้มีการพัฒนาการไปได้มากเท่าที่อยากจะเป็นกัน หากการเมืองไทยยังเป็นแบบนี้ ผมมองว่าคนใหม่ๆ คงไม่อยากที่จะเข้ามาเล่นการเมืองกันหรอก พรรคพลังประชารัฐของผมน่าสงสารมากเด็กใหม่ๆ เต็มไปหมดเลย แต่ตอนนี้เด็กใหม่มึนก็กันไปหมดแล้ว เราจะปล่อยให้การเมืองเป็นแบบนี้ไปไม่ได้ เราอยากได้การเมืองคนรุ่นใหม่ แต่วิธีการทำการเมืองยังเป็นรุ่นเก่าอยู่เลย เท่ากับมันไม่ได้พัฒนาการการเมืองเลย ถูกครอบด้วยคนการเมืองเก่าที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง

ต้องไม่ให้อำนาจการเมืองเก่าครอบงำการเมืองใหม่

เมื่อถามว่าทางออกควรทำอย่างไร สนธิรัตน์  ย้ำว่าเราต้องทำการเมืองให้มีคุณภาพ ต้องมีพัฒนาการทางการเมืองทั้งนักการเมืองและระบอบของเรา หรือกลไลในการพัฒนาการทางการเมืองของคนที่เข้าสู่การเมืองใหม่ๆ เราต้องไม่ให้อำนาจการเมืองเก่ามาครอบงำการเมืองใหม่ วิธีการจัดการการเมืองไม่ใช่ การตั้งก๊ก ตั้งก๊วน ต่อรองกัน เราต้องมีประชาธิปไตย แม้กระทั่งในพรรคของแต่ละพรรคอย่างแท้จริง ถ้าในพรรคยังไม่มีประชาธิปไตย มันจะไปสู่ประชาธิปไตยได้อย่างไร ระบบพรรคต้องเป็นระบบที่ส่งเสริมการเมืองคุณธรรม การเมืองที่คำนึงถึงการทำงานในรูปของความโปร่งใส การมีธรรมาภิบาล การพัฒนาคุณภาพของนักการเมืองมันต้องเป็นอย่างนี้

สนธิรัตน์04

สนธิรัตน์  บอกว่าเราเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลภายหลังการเลือกตั้ง เราปรารถนาอย่างนั้นไม่ไช่หรือ แล้วเราลืมจุดยืนอะไรบางอย่างไปหรือเปล่า พอเรามาถึง เราก็ไขว่คว้าแต่อำนาจหรือเปล่า จนลืมว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่หรือเปล่า จากอดีตทำมาเพื่ออะไร “เป็นความปราถนาของผมอย่างยิ่ง ที่จะเห็นการเมืองมีการพัฒนา ไปสู่การเมืองใหม่ๆ ไม่เช่นนั้นแล้ว ไม่รู้ผมจะเข้ามาทำไม ทำแล้วการเมืองแย่กว่าเดิม ผมจะเข้ามาทำไม ถ้าผมมีส่วนทำให้การเมืองแย่กว่าเดิม ผมจะทำไปทำไม ผมไม่ใช่คนการเมือง ที่มุ่งจะทำการเมืองอย่างไรก็ได้ มันไม่ใช่ผม” อย่างไรก็ดี แม้สิ่งที่พูดไปวันนี้จะไม่มีใครฟัง หรือเห็นด้วยแต่ต้องการเตือนสติคนทำการเมืองว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น

สนธิรัตน์  ย้ำว่าตัวเขาทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ ทำอย่างไรให้ประเทศได้ ไม่ได้คิดการเมืองแบบเชิงต่อรอง ที่กระทรวงพลังงานจะให้โกงกินไม่ทำ “ผมมีแรงกระแทกเยอะ ผมกันคนกินของเดิม ล้างของเก่า แต่ก็มีกลุ่มที่จะมาดิสเครดิตผม เพราะเสียผลประโยชน์ แต่ผมไม่ยอม ชีวิตผม มาถึงวันนี้ได้ผมจะไม่ให้มัวหมอง ผมจะไม่ยอมให้ใครมาบอกว่า ผมเป็นนักการเมืองหากิน นายกรัฐมนตรีส่งผมมา ก็เพราะรู้ว่า ผมมือสะอาด คนที่อยากมาก็เพราะที่นี่ (กระทรวงพลังงาน) เพราะเป็นขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า”

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight