Politics

‘หมอแก้ว’ เตือนชะล่าใจการ์ดตก ‘โควิด’ อาจระบาดระดับวิกฤติ!

“หมอแก้ว” ย้ำการระบาดของไวรัส “โควิด” ในไทยยังเป็นระยะที่ 1 เตือนอย่าชะล่าใจ-การ์ดตก อาจเกิดการระบาดระลอก 2 หรือระดับวิกฤต

นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดี กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ประเทศไทยไม่พบผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ถ้าเราเผลอ มีการรวมตัวกันของผู้คนเป็นจำนวนมากและมีผู้ป่วยหลุดเข้าไป ก็จะมีโอกาสกลับมาพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นได้อีก โดยสถานการณ์การแพร่ระบาดแบ่งเป็น 3 ระยะ ระยะแรกก็คือระยะที่โรคยังมีการแพร่ระบาดแบ่งเป็น 3 ระดับ ระดับที่ 1 ไม่มีผู้ป่วยหรือมีผู้ป่วยในวงจำกัด, ระดับ 2 การแพร่ระบาดต่อเนื่อง และระดับ 3 การแพร่ระบาดระดับวิกฤติ

โควิด

ทั้งนี้ ระยะที่ 2 คือ หลังจากที่สามารถสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคได้ด้วยวัคซีน ระยะที่ 3 ระยะฟื้นฟู เตรียมความพร้อมสำหรับการระบาดของโรคใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ขณะนี้ไทยยังอยู่ในระยะที่ 1 คือระยะที่โรคนี้ยังมีการแพร่ระบาดในระดับต่ำสุด บางจังหวัดไม่เคยพบโรคนี้ บางจังหวัดพบในระดับต่ำมากๆ

“ขณะนี้ไทยยังอยู่ในระยะที่ 1 แต่หากเราหย่อนการป้องกันตัวเอง จะมีโอกาสที่จะเริ่มมีการแพร่ระบาดต่อเนื่อง และหากไม่ระวังและควบคุมโรคไม่ดี ก็จะมีโอกาสแพร่ระบาดในระดับวิกฤติ มีผู้ป่วยมากกว่าจำนวนเตียงโรงพยาบาล ซึ่งพิจารณาสถานการณ์ในระยะต่อไปจะพิจารณาเป็นรายจังหวัด” นพ.ธนรักษ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในการผ่อนปรนมาตรการทางสังคมภาคบังคับจะต้องไม่เพิ่มความเสี่ยงการแพร่ระบาด โดยดำเนินการใน 3 มาตรการเพื่อให้สถานการณ์โรคอยู่ระดับต่ำต่อไป คือ มาตรการทางสาธารณสุข ได้แก่ การป้องกัน ค้นหา รักษา และควบคุม ในส่วนของการค้นหา กระทรวงสาธารณสุขยังคงให้ความสำคัญกับการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก แม้ว่าช่วงหลังผู้ป่วยน้อยลงแต่จำนวนตัวอย่างที่ตรวจไม่ได้น้อยลง ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตรวจได้ 45,076 ตัวอย่าง รวมสะสมตรวจได้ 400,000 กว่าตัวอย่าง และยังเฝ้าระวังโรคในพื้นที่เฉพาะกับประชากรกลุ่มเสี่ยงอีกด้วย

โควิด

มาตรการระดับบุคคล ยังขอความร่วมมือให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางที่ไม่จำเป็น กลุ่มเสี่ยงพักอยู่กับบ้าน หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่น หลีกเลี่ยงการพบปะหรือการชุมนุมกันเป็นกลุ่มก้อน ที่สำคัญคือสวมหน้ากากทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน ไม่ใส่เฟซชิลด์โดยไม่สวมหน้ากาก และหมั่นล้างมือบ่อยๆ

ส่วนมาตรการระดับองค์กร ขอความร่วมมือผู้บริหารองค์กรต่าง ๆ รักษาระดับความเข้มขนของมาตรการต่อไป ทั้งการทำงานที่บ้าน เหลื่อมเวลาการทำงาน ธุรกรรมออนไลน์ ลดแออัดในที่ทำงาน ดูแลระบบระบายอากาศ ปรับระบบงาน เช่น การคัดกรองพนักงาน ประชุมออนไลน์ รวมถึงส่งเสริมให้พนักงาน ลูกค้า และผู้ที่มาติดต่อสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย และล้างมือบ่อยๆ

ด้านนพ.บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ข้อมูลสำคัญ 3 ส่วนที่จะบ่งบอกความเสี่ยงการระบาดในระลอก 2 หลังจากการผ่อนคลายคือ ข้อมูลของพฤติกรรมประชาชน ข้อมูลการปฏิบัติของผู้ประกอบการ และข้อมูลการควบคุมโรคโควิด 19 ในประเทศไทย หากข้อมูลการปฏิบัติส่วนหนึ่งส่วนใดทำได้ไม่ดีจะเริ่มมีความเสี่ยง ซึ่งจากการสำรวจพฤติกรรมประชาชนในช่วงเดือนเมษายน พบประชาชนสวมหน้ากากลดลงเหลือ 84%

ส่วนข้อมูลสถานประกอบการกว่า 40,000 แห่งที่ลงทะเบียนเข้าร่วมประเมินมาตรฐานกรมอนามัย Thai Stop Covid ผ่านเกณฑ์ 79% และข้อมูลการควบคุมโรคโควิด 19 ในประเทศไทย อาทิ ยังงดการเดินทางเข้าประเทศ คนไทยที่กลับจากต่างประเทศต้องกักตัวในสถานที่รัฐจัดไว้ ความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดได้ ในวันที่ 1 กรกฎาคมจะเปิดภาคเรียน หากพ่อแม่ไปรวมกลุ่มสังสรรค์ในสถานประกอบกิจการต่างๆ อาจแพร่เชื้อไปสู่ลูก และจากลูกไปสู่โรงเรียนและครอบครัวอื่น ๆ ที่น่าห่วงคือผู้สูงอายุที่ติดจากเด็กซึ่งส่วนใหญ่มีอาการน้อยหรือไม่แสดงอาการ

ดังนั้น ประเทศไทยคลายล็อคสำเร็จหรือไม่ ขึ้นกับวินัยใหม่ของคนไทยทุกคนร่วมกันป้องกันไม่ให้โรคแพร่กระจายในกิจการ บ้าน และโรงเรียน

โควิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสถานการณ์โควิด ในประเทศไทยวานนี้ (1 มิ.ย.) มีผู้ป่วยกลับบ้านได้ 2 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยกลับบ้านสะสม 2,965 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 96.2 ของผู้ป่วยทั้งหมด มีผู้ป่วยที่ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาลเพียง 60 ราย หรือร้อยละ 1.95 ของผู้ป่วยทั้งหมด มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 1 ราย เป็นคนไทยที่เดินทางกลับจากประเทศรัสเซียและได้เข้ารับการเฝ้าระวังกักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมผู้เสียชีวิตสะสม 57 ราย มีผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 3,082 ราย

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสถานการณ์ของประเทศขณะนี้จะดีขึ้นแล้ว โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่ส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศและอยู่ในสถานที่กักตัวที่รัฐจัดให้ ส่วนผู้ติดเชื้อภายในประเทศมีจำนวนลดลง และไม่มีรายงานต่อเนื่องเป็นเวลา 7 วัน อาจทำให้ประชาชนบางส่วนเกิดความชะล่าใจละเลยการสวมใส่หน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อได้ ดังนั้นขอให้ประชาชนช่วยกันสวมใส่หน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าต่อไปและทำให้เป็นนิสัย ร่วมกับการล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่างระหว่างผู้อื่น จะเป็นการสร้างเกราะป้องกันตัวเอง ลดการแพร่และสัมผัสเชื้อโควิด 19 และ โรคติดต่อระบบทางเดินหายใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Avatar photo