เดินทางข้ามจังหวัด เปิดกว้างมากขึ้น หลังจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ออกมาประกาศผ่อนปรนมาตรการเป็นระยะๆ โดยล่าสุดวันนี้ (1 มิ.ย.) ก็เริ่มการผ่อนคลายมาตรการในระยะที่ 3 แล้ว
อย่างไรก็ตาม บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) รัฐวิสาหกิจผู้ให้บริการรถโดยสารสาธารณะ (รถทัวร์) ก็ยังไม่ได้ประกาศเพิ่มเส้นทางวิ่งให้บริการที่ชัดเจน จากปัจจุบันที่เปิดให้บริการแล้ว 16 เส้นทาง ในเส้นทางภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) และภาคตะวันออก
รอนโยบาย ‘เดินทางข้ามจังหวัด’
นายณัฐวุฒิ อ่อนน้อม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบริหารการเดินรถ บริษัท ขนส่ง จำกัด เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา บขส. กลับมาเปิดให้บริการรถทัวร์ จำนวน 16 เส้นทาง คิดเป็น 20% ของเส้นทางเดินรถทั้งหมด
แม้จะรัฐบาลจะผ่อนปรนมาตรการระยะที่ 3 แล้วในวันนี้ แต่ บขส. ก็ยังไม่ได้เปิดเส้นทางเพิ่มเติม เนื่องจากต้องรอให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ประกาศความชัดเจนเรื่องการเดินทางข้ามจังหวัดก่อน เพราะแม้ฝ่ายความมั่นคงจะอนุญาตให้รถโดยสารสาธารณะสามารถ เดินทางข้ามจังหวัด ระหว่างเวลาเคอร์ฟิว 23.00-03.00 น. แต่ก็ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนเรื่องการรับส่งผู้โดยสารระหว่างทาง เพราะถ้าผู้โดยสารขอลงกลางทางแล้ว ไม่สามารถเดินทางต่อได้ ก็จะเกิดความไม่สะดวกขึ้น
โดยวันพรุ่งนี้ (2 มิ.ย.) กระทรวงคมนาคมจะเป็นเจ้าภาพเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการขนส่งทางบก และ บขส. เข้าประชุมเรื่องการดำเนินการ หลังรัฐบาลผ่อนปรนมาตรการระยะที่ 3 ซึ่งก็เชื่อว่าจะทำให้เกิดความชัดเจนเรื่องการเปิดเดินรถมากขึ้น
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า นอกจาก บขส. แล้ว ปัจจุบันรถเอกชนร่วมบริการก็กลับมาเปิดวิ่งประมาณ 20-25% เช่น สมบัติทัวร์ นครชัยแอร์ เป็นต้น ส่วนรถร่วมฯ รายอื่นๆ ก็ได้ขอกลับมาเปิดเดินรถในเส้นทางเดิมอีกครั้ง หลังจากหยุดให้บริการไป เพราะสถานการณ์ไวรัสโควิด-19
อัพเดตเส้นทางล่าสุด
ด้านประชาสัมพันธ์ บริษัท ขนส่ง จำกัด เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา บขส. ได้กลับมาเปิดวิ่งรถทัวร์ในเส้นทางภาคเหนือ อีสาน และภาคตะวันออกรวม 16 เส้นทาง
แต่ล่าสุดวันนี้ (1 มิ.ย.) บขส. ได้หยุดวิ่งเส้นทาง กรุงเทพฯ–จันทบุรี เนื่องจากมีผู้โดยสารน้อยและผู้โดยสารในเส้นทางนี้ น่าจะนิยมเดินทางด้วยรถตู้โดยสารสาธารณะมากกว่า ส่งผลให้ขณะนี้ บขส. เปิดวิ่งรถทัวร์แค่ 15 เส้นทาง
โดยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป บขส. จะเปิดจองตั๋วโดยสารล่วงหน้า 7 วันผ่านระบบออนไลน์ด้วย ได้แก่ เว็บไซต์ บขส. www.transport.co.th หรือตัวแทนจำหน่ายตั๋ว www.busticket.in.th , www.pns-allthai.com , www.thaiticketmajor.com และเคาน์เตอร์เซอร์วิส 7-Eleven รวมถึงยังปรับจุดจอด/เส้นทางการเดินรถทั้ง 15 เส้นทางอีกเล็กน้อย เป็นดังนี้
- เส้นทางภาคเหนือ จำนวน 7 เส้นทาง ประกอบด้วย เส้นทางกรุงเทพฯ–เชียงใหม่, กรุงเทพฯ–เชียงราย, กรุงเทพฯ–อุตรดิตถ์, กรุงเทพฯ–สวรรคโลก, กรุงเทพฯ–แม่สอด, กรุงเทพฯ–หล่มสัก, กรุงเทพฯ–คลองลาน
- เส้นทางภาคอีสานและภาคตะวันออก จำนวน 8 เส้นทาง ประกอบด้วย เส้นทางกรุงเทพฯ–หนองบัวลำภู, กรุงเทพฯ–สกลนคร, กรุงเทพฯ–เชียงคาน, กรุงเทพฯ–สุรินทร์, กรุงเทพฯ–บุรีรัมย์, กรุงเทพฯ–กันทรลักษ์-อุบลราชธานี, กรุงเทพฯ–ศรีสะเกษ, กรุงเทพฯ–รัตนบุรี สามารถจองตั๋วโดยสารล่วงหน้า 7 วัน ผ่านระบบออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 โดยมีเงื่อนไขการจองตั๋ว ดังนี้
“คมนาคม” ประชุมเคาะ
ด้านกระทรวงคมนาคม โดยนายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองปลัดฯ ออกมาเปิดเผยว่า พรุ่งนี้ (2 มิ.ย.) จะมีการประชุมเตรียมการภายหลังมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 3 ในส่วนของกระทรวงคมนาคม เพื่อสรุปแนวทางการเดินทางข้ามจังหวัดในโหมดต่างๆ โดยเฉพาะรถไฟ รถทัวร์ และเครื่องบิน
ในการประชุมครั้งนี้ หน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่น บขส. ผู้ให้บริการรถทัวร์, การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ผู้ให้บริการรถไฟ, สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท. หรือ CATT) ผู้กำกับการเดินทางทางอากาศ จะต้องนำเสนอว่า แต่ละหน่วยงานมีความพร้อมจะเปิดการเดินทางเพิ่มเติมอย่างไรบ้าง
โดยกระทรวงคมนาคมจะเชิญกระทรวงมหาดไทย (มท.) มาให้ข้อมูลด้วยว่า จังหวัดที่ห้ามเดินทางเข้าออกเพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบัน จำนวน 19 จังหวัด มีนโยบายเป็นอย่างไร จะมีการเปิดจังหวัดในเร็วๆ นี้หรือไม่
ถ้าทุกจังหวัดเปิดหมด ก็จะทำให้การเดินทางข้ามจังหวัดกลับมาเป็นปกติ เหมือนก่อนที่ไวรัสโควิด-19 จะแพร่ระบาด แต่ความถี่ในการให้บริการอาจน้อยลง เพราะต้องขึ้นอยู่กับความต้องการของประชาชนและความพร้อมของหน่วยงานด้วย
“พรุ่งนี้ที่ประชุมฯ จะสรุปความพร้อมของแต่ละหน่วยงาน จากนั้นจะเสนอเรื่องให้นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม ประสานกับ ศบค. เพื่อสอบถามความเห็นและแนวปฏิบัติจาก ศบค. โดยคาดว่าจะประกาศความชัดเจนได้ภายในสัปดาห์นี้ เพราะประชาชนก็รอ อยากเดินทาง” นายอานนท์กล่าว
