ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตาของสหรัฐ ประกาศภาวะฉุกเฉิน พร้อมสั่งการให้กองกำลังพิทักษ์ชาติมินนิโซตา ออกปฏิบัติการเพื่อฟื้นฟูความเป็นระเบียบเรียบร้อย หลังเหตุประท้วงกรณี “จอร์จ ฟลอยด์” ลุกลามหนัก ถึงขั้นเผาโรงพัก
การประท้วงเหตุ “จอร์จ ฟลอยด์” ชายผิวดำคนหนึ่งเสียชีวิตระหว่างถูกตำรวจจับกุมตัว ทวีความรุนแรงในช่วงข้ามคืนวันพุธ (27 พ.ค.) เกิดเหตุไฟไหม้และฉกชิงทรัพย์ในร้านค้าหลายแห่งของมินนิแอโพลิส ซึ่งเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่สุดของรัฐมินนิโซตา
the 3rd precint burning in the back. fireworks in the sky. niggas getting turnt to faneto. minneapolis a whole ass vibe 🔥 pic.twitter.com/tlMYm7tXuL
— all cops are bastards!!! (@aqlileey) May 29, 2020
จอร์จ ฟลอยด์ วัย 40 ปี เสียชีวิตเมื่อเย็นวันจันทร์ (25 พ.ค.) ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาวใช้หัวเข่ากดลำคอของเขาแนบกับพื้นถนน ฟลอยด์คร่ำครวญหลายต่อหลายครั้งว่า “ผมหายใจไม่ออก” และ “ได้โปรดเถอะ ผมหายใจไม่ออก” ก่อนจะเสียชีวิต
ด้านสำนักตำรวจท้องถิ่นออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 4 คน ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ และปลดพวกเขาออกจากตำแหน่ง
นายทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา ตัดสินใจประกาศภาวะฉุกเฉิน หลังจากที่นายเจค็อบ เฟรย์ นายกเทศมนตรีเมืองมินนิแอโพลิส ขอความช่วยเหลือเมื่อการจลาจลช่วงข้ามคืนวันพุธ (27 พ.ค.) สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างและเกิดเหตุฉกชิงทรัพย์อย่างอุกอาจ
“การเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ ควรนำไปสู่ความยุติธรรมและการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ ไม่ใช่สร้างความเสียหายและการสูญเสียชีวิตประชาชนเพิ่มขึ้น นี่เป็นเวลาของการรื้อสร้าง เราต้องรื้อสร้างเมือง กระบวนการยุติธรรม และความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับประชาชนที่พวกเขามีหน้าที่ปกป้องดูแล” นายวอลซ์ ระบุ
ขณะที่ สตาร์ ทริบูน หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น รายงานว่าเสนาธิการผู้ช่วยฝ่ายบริหารของกองกำลังพิทักษ์ชาติจะทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐบาลท้องถิ่น เพื่อจัดส่งเจ้าหน้าที่ อุปกรณ์ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการรับมือและฟื้นฟูเมืองจากภาวะฉุกเฉินครั้งนี้
นอกจากนั้นกองลาดตระเวนมินนิโซตา จะจัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ 200 นาย เฮลิคอปเตอร์ และอากาศยานประเภทอื่น เพื่อเข้าช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ควบคุมสถานการณ์
รายงานข่าวระบุว่า การประท้วงเริ่มขึ้นอย่างสันติในคืนวันพุธ (27 พ.ค.) ก่อนจะเริ่มมีการยิงปืนและวางเพลิง ซึ่งทำให้ไฟลุกไหม้อาคารราว 30 หลัง รวมถึง สถานีตำรวจ และสร้างความเสียหายให้อาคารอื่นอีกจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่เมืองมินนิแอโพลิสระบุว่ามีการก่อตั้งศูนย์บัญชาการ ซึ่งจะทำให้หลายหน่วยงานสามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมถึงหารือกับพื้นที่อื่นที่อาจให้ความช่วยเหลือ เพื่อเตรียมรับมือการประท้วงในวันพฤหัสบดี (28 พ.ค.)
การเสียชีวิตของฟลอยด์จุดกระแสประท้วงเรียกร้องความยุติธรรมทั่วสหรัฐ โดยเกิดการประท้วงในหลายเมืองหลายเมื่อคืนวันพุธ (27 พ.ค.) อาทิ ลอสแอนเจลิส และเมมฟิส
ที่มา : Xinhua Thai