การประกาศผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกและไตรมาส 2 ของปี 2561 ได้สิ้นสุดแล้ว และตลาดหลักทรัพย์ได้เริ่มนำเกณฑ์การขึ้นเครื่องหมาย C มาใช้กับบริษัทจดทะเบียนที่มีความเสี่ยงด้านฐานะการเงินซึ่งมีส่วนผู้ถือหุ้นน้อยกว่า 50% ของทุนชำระแล้ว
โดยข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า การใช้เกณฑ์ขึ้นเครื่องหมาย C เนื่องจากเพิ่มมาตรการคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้ลงทุน สำหรับเกณฑ์การขึ้นเครื่องหมาย C เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2561 ทั้งนี้ การพิจารณาส่วนของผู้ถือหุ้นและรายงานของผู้สอบบัญชีจะเริ่มพิจารณาจากงบการเงินรายไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2561 เป็นต้นไป
ล่าสุด ตลาดหลักทรัพย์ได้ประกาศขึ้นเครื่องหมาย C กับบริษัทจดทะเบียน จำนวน 24 บริษัท ประกอบด้วย
บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) MPIC เป็นผู้จัดซื้อสิทธิภาพยนตร์ต่างประเทศเพื่อนำมาจัดจำหน่ายภายในประเทศ พร้อมกับเข้าลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจด้านภาพยนตร์ มีส่วนผู้ถือหุ้น 478.97ล้านบาทต่ำกว่า 63.16 % จากทุนชำระ1,300.12 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการขาดทุน 4 ปีต่อเนื่อง
บริษัท เอ็นอีพี อสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) NEP ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกรวมทั้งบรรจุภัณฑ์ประเภทอื่น มีส่วนผู้ถือหุ้น 819.84 ล้านบาทต่ำกว่า 64.74% จากทุนชำระ 2,325.38 ล้านบาท มีผลขาดทุน 4 ปีติดต่อกัน และครึ่งปีแรกยังขาดทุน
บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) NOK ธุรกิจสายการบิน มีส่วนผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 458.4 ล้านบาท ต่ำกว่า79.82 %จากทุนชำระ 2,272ล้านบาท มีผลประกอบการขาดทุนติดต่อกัน 4 ปี และครึ่งปีแรกยังขาดทุน
บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) NBC ผลิตรายการโทรทัศน์ รายการวิทยุ และให้บริการข่าวสาร โฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ วิทยุ มีส่วนผู้ถือหุ้น 53.8 ล้านบาทต่ำกว่า 89.95%จากทุนชำระ 535.44 ล้านบาท มีผลขาดทุน 3 ปีติดต่อกัน และ ครึ่งแรกปีนี้มีผลขาดทุน
บริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) NEWS กลุ่มบริษัทประกอบธุรกิจสื่อเป็นธุรกิจ และบริษัทประกอบธุรกิจเป็นผู้ให้บริการด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและประกอบธุรกิจสื่อ มีส่วนผู้ถือหุ้น มีส่วนผู้ถือหุ้น 48.74 ล้านบาท ต่ำกว่า 99.93%จากทุนชำระ 67,886.86 ล้านบาท มีผลขาดทุนติดต่อกัน 4 ปีและครึ่งแรกของปี 2561ยังขาดทุน
บริษัท พรีเมียร์เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด (มหาชน) PE ดำเนินธุรกิจด้านการลงทุนในธุรกิจบริการทางการเงินได้แก่ ธุรกิจการบริการรถเช่าเพื่อการดำเนินงาน มีส่วนผู้ถือหุ้น 86.86 ล้านบาท ต่ำกว่า 78.29%จากทุนชำระ 400 ล้านบาท
บริษัท ไทยเศรษฐกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) TSI ให้บริการรับประกันวินาศภัยเป็นหลัก มีส่วนผู้ถือหุ้น 188.57ล้านบาทต่ำกว่า 82.57%จากทุนชำระ1,081.73 ล้านบาท มีมีผลขาดทุนต่อเนื่อง 4 ปี ยกเว้นปี 2558 มีกำไร
บริษัท เอเพ็กซ์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) APEX ดำเนินธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ ผลประกอบการขาดทุนตั้งแต่ปี 2560 จนถึงครึ่งแรกของปี 2561 ส่งผลให้มีส่วนผู้ถือหุ้นเหลือ 789.63 ล้านบาทต่ำกว่า 60% เมื่อเทียบกับทุนชำระ 1,300.12 ล้านบาท
บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) AQ ทำธุรกิจอสังหาฯ ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาขาดทุน ล่าสุดครึ่งปีแรกมีกำไร 41 ล้านบาท ส่วนผู้ถือหุ้นเหลือ 3,633.56 ล้านบาท ต่ำกว่า 90% จากทุนชำระ 42,657.34 ล้านบาท
บริษัท เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) AS ทำธุรกิจเกมออนไลน์ 110.39 ล้านบาท ต่ำกว่า 73%จากทุนชำระ409.88 ล้านบาท ผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่อง แต่ปี 2560 มีกำไร แต่ครึ่งแรกปีนี้ขาดทุน
บริษัท ดิจิตอลเทค แพลนเน็ต จำกัด (มหาชน) DIGI ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ มีส่วนผู้ถือหุ้น386.29ล้านบาทต่ำกว่า 51.11%จากทุนชำระ 790.2 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการขาดทุนติดต่อกัน 4 ปี ล่าสุดครึ่งปีแรกยังขาดทุน
บริษัท อุตสาหกรรม อีเล็คโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) EIC ดำเนินธุรกิจออกแบบ ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำ ประเภท Wafer มีส่วนผู้ถือหุ้น 557.13ล้านบาทต่ำกว่า 82.42% จากทุนชำระ 3,169.88 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่อง 4 ปี แต่ครึ่งแรกของปีนี้มีกำไร
บริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน) EMC ดำเนินธุรกิจทางด้านวิศวกรรมงานก่อสร้างและการวางระบบไฟฟ้าเครื่องกลมีส่วนผู้ถือหุ้น 1,624.17ล้านบาท ต่ำกว่า80.74% จากทุนชำระ8,433.76 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการขาดทุน 4 ปี แต่ครึ่งแรกของปีนี้มีกำไร
บริษัท ฟู้ด แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) FC ดำเนินธุรกิจได้รับสิทธิในการเปิดแฟรนไชส์ของโดนิโม พิซซ่า ในประเทศไทย มีส่วนผู้ถือหุ้น มีส่วนผู้ถือหุ้น 273.6 ล้านบาท ต่ำกว่า87.19% จากทุนชำระ 2,136.46 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่อง 4 ปี และงวดครึ่งแรกปีนี้ขาดทุน
บริษัท จี เจ สตีล จำกัด (มหาชน) GJS ดำเนินธุรกิจผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อน และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง มีส่วนผู้ถือหุ้น 14,419.77ล้านบาท ต่ำกว่า 85% ของทุนชำระแล้ว 96,104.09 ล้านบาทขาดทุน 3 ปีต่อเนื่อง และปี2560 มีกำไร แต่ครึ่งปีแรกปีนี้ขาดทุน
บริษัท ไฮโดรเท็ค จำกัด (มหาชน) HYDRO ดำเนินธุรกิจรับก่อสร้างและรับบริหารจัดการงานวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมมีส่วนผู้ถือหุ้น167.34ล้านบาทต่ำกว่า71.64%ของทุนชำระ 589.97ล้านบาท ขาดทุนติดต่อกัน 4 ปีและครึ่งปีแรกยังขาดทุน
บริษัท เอ็มพีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) MPG ดำเนินธุรกิจค้าปลีก มีส่วนผู้ถือหุ้น 94.65 ล้านบาท ต่ำว่า 90.32% จากทุนชำระ 977.75 ล้านบาท มีผลขาดทุน 3 ปีติดต่อกัน และ ครึ่งแรกปีนี้มีผลขาดทุน
บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) SPORT ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ อีเว้นท์ และดิจิตอลมีเดีย มีส่วนผู้ถือหุ้น 32.78 ล้านบาทต่ำกว่า 92.82%จากทุนชำระ 456.37 ล้านบาท ขาดทุนติดต่อกัน 4 ปีและครึ่งปีแรกยังขาดทุน
บริษัท ไทยฟิล์มอินดัสตรี่ จำกัด (มหาชน) TFI ดำเนินธุรกิจผลิตฟิลม์ประเภทบรรจุภัณฑ์ และการพิมพ์ มีส่วนผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 383.14ล้านบาทต่ำกว่า 81.29%จากทุนชำระ 2,047.50 ล้านบาท บาท มีผลขาดทุนต่อเนื่อง 4 ปี ยกเว้นปี 2558 มีกำไร
บริษัท ทรีซิกตี้ไฟว์ จำกัด (มหาชน) TSF ดำเนินธุรกิจหลักเกี่ยวกับให้คำปรึกษา คำแนะนำ และวางแผนด้านการประชาสัมพันธ์รวมทั้งงานด้านสื่อโฆษณาทุกชนิด มีส่วนทุนติดลบ 26.72 ล้านบาท ต่ำกว่า103.95%จากทุนชำระ 677.08 ล้านบาท ผลประกอบการขาดทุนติดต่อกัน 4 ปี และครึ่งแรกปีนี้มีผลขาดทุน
บริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) UMS นำเข้าถ่านหินคุณภาพดี มีส่วนผู้ถือหุ้นติดลบ 10.88 ล้านบาท ต่ำกว่า 104.32% จากทุนชำระ 251.69 ล้านบาท มีผลประกอบการขาดทุนติดต่อกัน 4 ปี และครึ่งแรกปีนี้มีผลขาดทุน
บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) PACE ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์มีส่วนผู้ถือหุ้น 1,978.33 ล้านบาทต่ำกว่า 82.85%จากทุนชำระ 11,538.69 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการขาดทุนติดต่อกัน 3ปี แต่ปี 2560 มีกำไรแต่ครึงแรกปีนี้ขาดทุน
บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) EFORL บริษัทดำเนินธุรกิจหลักเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ มีส่วนผู้ถือหุ้น 234.18 ล้านบาท ต่ำกว่า 80.62%ของทุนชำระ 1,208.12 ล้านบาท ขณะที่มีผลขาดทุนติดต่อกัน 2 ปี และครึ่งปีแรกยังขาดทุน
บริษัท ที เอ็นจิเนียร์ริ่ง คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) T รับเหมาก่อสร้างโดยครอบคลุมโครงการก่อสร้าง ทั้งที่เป็นอาคารโรงงาน คลังสินค้า มีส่วนผู้ถือหุ้น 442.47 ล้านบาทต่ำว่า 95.63% จากทุนชำระ 10,114.93ล้านบาท มีผลขาดทุนต่อเนื่อง 4 ปี ยกเว้นปี 2558 มีกำไร
หากพิจารณาจากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นว่า ส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำกว่า 50% ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มมีเดีย และมีบางบริษัทที่มีส่วนทุนติดลบ ซึ่งมีโอกาสที่จะถูกย้ายไปอยู่ในกลุ่มฟื้นฟูกิจการ และอาจถูกเพิกถอนจากตลาดหลักทรัพย์
ทั้งนี้ บริษัทที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย C จะต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาเพื่อหลุดพ้นจากการขึ้นเครื่องหมายดังกล่าว โดยตลาดหลักทรัพย์ได้กำหนดเกณฑ์การปลดเครื่องหมาย C นั้น บริษัทจดทะเบียนต้องจัดประชุมเพื่อให้ข้อมูลกับผู้ลงทุนและผู้ที่เกี่ยวข้อง (Public Presentation) ภายใน 15 วันนับแต่วันที่หลักทรัพย์ถูกขึ้นเครื่องหมาย C โดยจัดทำแนวทางแก้ไข และรายงานความคืบหน้าการแก้ไข เพื่อให้พ้นเหตุต่อคณะกรรมการบริษัท และคณะกรรมการตรวจสอบเพื่อให้ความเห็นชอบ และให้รายงานแนวทางและความคืบหน้าดังกล่าวผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ
พบชัย ภัทราวิชญ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส ให้ความเห็นว่า หุ้นขึ้นเครื่องหมาย C ถือว่าเป็นหุ้นที่มีความเสี่ยง เนื่องจากมีฐานะการเงินที่ไม่ดี ซึ่งส่วนผู้ถือหุ้นต่ำเกินไป และมีโอกาสที่จะเข้าไปสู่หุ้นกลุ่มฟื้นฟูกิจการ รวมถึงมีโอกาสที่บริษัทเหล่านั้น อาจต้องเลือกใช้วิธีเพิ่มทุนจดทะเบียน เพราะเป็นหนึ่งในวิธีการแก้ไขปัญหา ซึ่งจะทำให้ส่วนผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น หรือกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ ถ้าไม่ใช้วิธีเพิ่มทุนก็ต้องอาศัยความสามารถในการดำเนินธุรกิจให้มีกำไรสูงขึ้น ซึ่งหากจะพิจารณาบริษัทที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย C แล้ว จะพบว่า แนวโน้มธุรกิจอาจจะฟื้นตัวได้ยาก ดังนั้น จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นกลุ่มดังกล่าว
“การขึ้นเครื่องหมาย C เป็นสิ่งที่ดี เพราะช่วยเตือนสติผู้ลงทุนระมัดระวัง ดังนั้นจึงไม่ควรเข้าไปลงทุนในหุ้นที่มีความเสี่ยงสูง เพราะฐานะการเงินไม่ดี และมีโอกาสต้องเพิ่มทุนอีกด้วย”
