The Bangkok Insight

‘โอ๊ค’ รอดคุก ‘อัยการสูงสุด’ ฟันฉับไม่อุทธรณ์คดี ‘ฟอกเงินกรุงไทย’

อัยการสูงสุด ลงคำสั่งชี้ขาด “ไม่อุทธรณ์” คดี โอ๊ค-พานทองแท้ ชินวัตร ฟอกเงินกรุงไทย ยืนตามศาลชั้นต้น

รายงานข่าวแจ้งว่า อัยการสูงสุด ได้มีคำสั่งชี้ขาด ไม่ยื่นอุทธรณ์คดีหมายเลขดำที่ อท.245/2561 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายพานทองแท้ หรือโอ๊ค ชินวัตร บุตรชายคนโตนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คดีร่วมกันกันฟอกเงินทุจริตเงินปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย จำนวน 10 ล้านบาท

โอ๊ค1

ทั้งนี้ ในความความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบคบกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5 , 9 , 60 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2558 มาตรา 10 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , 91

สำหรับคดีดังกล่าว ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 ซึ่งต่อมาทางอัยการสำนักงานคดีพิเศษได้ทำความเห็นส่งไปยังอัยการสำนักงานคดีศาลสูง ว่า เห็นควรไม่อุทธรณ์คดีต่อ ซึ่งอัยการสำนักงานคดีศาลสูงเห็นด้วย ตามกฎหมายจึงต้องส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พิจารณาตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษฯ มาตรา 34 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145 ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่

กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณากลั่นกรองเรื่องดังกล่าว เพื่อเสนอความเห็นต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาจากพยานหลักฐานในสำนวนการสอบสวน ความเห็นของพนักงานอัยการ และคำพิพากษาของศาล ทั้งที่พิพากษายกฟ้อง และที่ทำความเห็นแย้งไว้ท้ายคำพิพากษา ประกอบกับความเห็นของพนักงานอัยการที่เห็นควรไม่อุทธรณ์คำพิพากษาแล้ว เห็นว่ายังมีประเด็นสำคัญแห่งคดีที่ควรต้องนำสู่การพิจารณาของศาลสูงเพื่อวินิจฉัย อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงมีความเห็นควรให้นำคดีขึ้นสู่ศาลสูงโดยส่งให้อัยการสูงสุดชี้ขาด เมื่อวันที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา

มีรายงานว่าคำสั่งชี้ขาดดังกล่าวลงนามโดยรองอัยการสูงสุดคนหนึ่ง ซึ่งปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุด โดยเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ทางอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 ได้ยื่นขอขยายอุทธรณ์ครั้งที่ 6 โดยศาลพิจารณาเเล้วอนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ถึงวันที่ 25 มิถุนายน นี้ เเต่เมื่อมีการชี้ขาดอัยการสูงสุดสั่งไม่อุทธรณ์ดังกล่าวคดีดังกล่าวถือเป็นอันสิ้นสุด

Avatar photo