สธ.เผยผลสำรวจหลังผ่อนปรนมาตรการ พบประชาชนเริ่มหย่อนวินัย ป้องกันตัวเองลดลง ย้ำ หน้ากากอนามัย เป็นปัจจัยห้าในชีวิต
นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า จากผลสำรวจการปฏิบัติตามมาตรการสุขอนามัยของประชาชนหลังจากผ่อนปรนมาตรการแล้วพบว่าเริ่มย่อหย่อนลง โดยภาพรวมพฤติกรรมการป้องกันในช่วงหลังผ่อนปรนมาตรการ (8-14 พ.ค.) อยู่ที่ 72.5% ลดลงจาก 77.6% ในช่วงก่อนผ่อนปรนมาตรการ (23-30 เม.ย.)
ทั้งนี้ สามารถแบ่งออกเป็น การสวมหน้ากากอยู่ที่ 91.0% ลดลงจาก 91.2%, การล้างมืออยู่ที่ 83.4% ลดลงจาก 87.2%, การกินร้อน/ช้อนกลางตัวเองอยู่ที่ 82.3% ลดลงจาก 86.1%, การเว้นระยะห่างอยู่ที่ 60.7% ลดลงจาก 65.3% และการเอามือสัมผัสใบหน้าอยู่ที่ 52.9% ลดลงจาก 62.9%
ดังนั้น จึงอยากย้ำเตือนประชาชนว่า การใส่หน้ากากอนามัยเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก อาจจะเรียกว่าเป็นปัจจัยที่ห้าในชีวิตประจำวัน ตราบใดที่ทำต่อเนื่อง โอกาสที่จะแพร่เชื้อ หรือติดเชื้อมีน้อยมาก
นอกจากนี้ ยังชี้แจงว่า การนำกฎหมายมาบังคับใช้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังจำเป็นต้องใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่กระชับอำนาจจากกฎหมายที่เกี่ยวข้องมากถึง 40 ฉบับ นอกจากนี้ ยังรวมถึงการประกาศเคอร์ฟิว การควบคุมราคาสินค้า ทำให้การทำงานได้ผลดี หากสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้วก็ไม่จำเป็นต้องใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
นพ.พลวรรธน์ วิทูรกลชิต ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) กล่าวเพิ่มเติมถึงการใช้งานแพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” ในช่างที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการลงทะเบียนแล้ว 1.1 แสนราย และยังลงทะเบียนไม่เรียบร้อยราว 2 หมื่นราย ซึ่งขอให้ผู้ประกอบการเข้าไปกรอกข้อมูลลงทะเบียนให้เรียบร้อยก่อนวันที่ 28 พฤษภาคม 2563
ในส่วนของประชาชนพบว่า ให้การตอบรับใช้งานเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดมีผู้ใช้บริการราว 3 ล้านราย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ต่อส่วนรวม ต่อประเทศชาติ โดยผู้เกี่ยวข้องจะได้นำข้อมูลไปปรับปรุงระบบให้ดียิ่งขึ้น พร้อมยืนยัยว่าจะใช้ข้อมูลในแพลตฟอร์มไทยชนะ เพื่อการสอบสวนโรคเท่านั้น
ทั้งนี้จากข้อมูลในแพตฟอร์ม ไทยชนะ พบว่า กิจการที่มีประชาชนลงทะเบียนใช้บริการมากสุด คือ ร้านสะดวกซื้อ ตามมาด้วยห้างสรรพสินค้า และร้านอาหาร โดยกิจการที่มีคะแนนการปฏิบัติตามมาตรการสุขอนามัย 5 ข้อได้ดี คือ ร้านเสริมสวยและเวชกรรม ส่วนกิจการที่มีคะแนนไม่ค่อยดี คือตลาดสด
- ศบค.ให้คนไทย ในมาเลย์ 5,000 ราย ประสงค์กลับประเทศ รีบ! ลงทะเบียน เหตุมีโควต้าเหลือ
- ‘อนุทิน’ยันไม่เกี่ยวค่าหัวคิว 40% จากผู้ประกอบการโรงแรม
- ศบค.ย้ำ! เหตุต้องคง ‘พ.ร.ก.ฉุกเฉิน’ แม้ยอดผู้ติดเชื้ออยู่ระดับต่ำ