Politics

จากกรณี ‘แม่ปุ๊ก’ ถึง ‘น้องอมยิ้ม’ เตือนสังคมหยุดโอนไวเพราะความสงสาร!

จากกรณี “แม่ปุ๊ก” ถึง “น้องอมยิ้ม” เตือนสังคมหยุดเป็น “นางใจดี นามสกุลโอนไว” เพราะความสงสาร อาจกลายเป็นเครื่องมือทรมานเด็ก

จากกรณี “แม่ปุ๊ก” สาววัย 29 ระบุว่าเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว มีลูกวัยกำลังน่ารัก 2 คนคือ “น้องอมยิ้ม” และ “น้องอิ่มบุญ” โดย “แม่ปุ๊ก” โพสต์ภาพและขอรับบริจาคช่วย “น้องอมยิ้ม” ซึ้งอ้างว่าเด็กน้อยป่วยเป็นโรคประหลาด มีเลือดไหลและอ้วกเป็นเลือด โดย “น้องอมยิ้ม” มีอาการทรุดหนักและเสียชีวิตช่วงเดือนธันวาคม “แม่ปุ๊ก” อ้างว่าเสียใจมากจึงต้องไปถือศีลบวชชี

แต่ก่อนไปบวช “แม่ปุ๊ก” ได้โพสต์อ้างว่า “น้องอิ่มบุญ” และขอรับบริจาคเพื่อนำเงินไปรักษาลูก ทำให้ประชาชนแห่บริจาคเงินและซื้อสินค้าจาก “แม่ปุ๊ก” จำนวนมาก ซึ่งคาดว่ามียอดบริจาครวมกว่า 20 ล้านบาท แต่ “แม่ปุ๊ก” ไม่ได้มีการส่งสินค้าให้ผู้ซื้อทำให้ชาวเน็ตบางส่วนเริ่มตั้งข้อสงสัย จึงเสนอให้นำ “น้องอิ่มบุญ” ไปรักษากับแพทย์ที่เชี่ยวชาญ แต่ “แม่ปุ๊ก” ไม่รับข้อเสนอ และมีการเปิด-ปิดเฟซบุ๊กจนคนผิดสังเกต

โดยตำรวจตั้งข้อสงสัยว่า “แม่ปุ๊ก” สร้างเรื่องและหลอกเปิดรับบริจาคหรือแสวงหาผลประโยชน์จากเด็กชัดเจน จนนำไปสู่การตรวจสอบสูติบัตรของ “น้องอมยิ้ม” และปรากฏว่า “แม่ปุ๊ก” ไม่ใช่แม่เด็กและไม่สามารถตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงได้ ส่วนสูติบัตรของ “น้องอิ่มบุญ” ระบุว่า มารดาคือ “แม่ปุ๊ก” แต่ไม่มีบิดา และไม่ปรากฏประวัติฝากครรภ์ นอกจากนี้ ชื่อบัญชีที่รับโอนเงินยังไม่ใช่ชื่อของตนเอง อีกทั้งพบประวัติเคยเปลี่ยนชื่อและนามสกุล 6 ครั้ง

ล่าสุด “แม่ปุ๊ก” ถูกตั้ง 5 ข้อหาหนัก โดยสถานะปัจจุบันถูกคุมขังที่ทัณฑสถานหญิง เนื่องจากไม่มีเงินประกันตัว 300,000 บาท

98366066 670550153506713 6946858723650306048 n

ทั้งนี้ เพจเฟซบุ๊ก “นักสังคมสงเคราะห์เล่าเรื่อง” โพสต์ข้อความกรณีน้อง “อมยิ้ม” ที่เสียชีวิต โดยมีแม่เป็นผู้ต้องสงสัย โดยระบุว่า “ใจดี โอนไว การบริจาคเงินกับการส่งเสริม ดารทารุณกรรมที่คุณมีส่วนร่วม” ใครได้ทราบข่าวกรณีน้อง “อมยิ้ม” ที่เสียชีวิต โดยทีมแพทย์ได้วินิจฉัยทราบว่าน้องได้รับสารกัดกร่อนเข้าไปทำอันตรายอวัยวะภายในจนเสียชีวิต และผู้ต้องสงสัยในเหตุการณ์นี้ก็มี “แม่” ที่เปิดรับบริจาคผ่านการบอกเล่าเรื่องราวของน้องผ่านเฟซบุ๊กถึงอาการเจ็บป่วยจนมีผู้บริจาคให้ร่วมกันหลายล้านแล้วยังคะ

จริงๆ ในกรณีแบบนี้แอดมินเองอยากจะพูดมาหลายครั้งแต่ด้วยความกลัวชาวเน็ตจวก ก็เลยไม่พูดดีกว่า จนมาถึงวันนี้ วันที่มีเด็กเสียชีวิตไปแล้วหนึ่งคน และอีกคนเกือบเสียชีวิตเพื่อเซ่นความใจบุญ และการแสวงประโยชน์จากความใจดีของคนไทย

แอดมินจึงอยากเชิญชวนค่ะ ให้เราหยุด “บริจาค” ผ่านบัญชีส่วนตัวของใครก็แล้วแต่ที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก เราต้องหยุด หยุดโดยมีชีวิตคนอื่นกั้น เพราะเราคงไม่อยากร้องกรี๊ดกับเหตุการณ์แบบนี้อีกใช่มั้ยคะ

เราต้องนึกถึงอันตรายที่จะมีต่อเด็ก ต่อคนแก่ หรือคนอื่นๆ ที่อาจตกอยู่ในอันตราย ต้องถูกใช้เป็นเครื่องมือในการถูกจองจำในสภาวะยากลำบากเพื่อให้เราได้มีโอกาส ทำบุญผ่านมนุษย์ผู้ตกยาก (รวมถึงการสนับสนุนสถานสงเคราะห์ที่เคยพูดไปก่อนหน้านี้ก็กรณีเดียวกันค่ะ)

ในกรณีนี้และหลายกรณีเช่นในสถานสงเคราะห์เองเด็กจะถูกทารุณกรรมช้าๆ ซ้ำๆ ให้มีอาการที่แย่ลงเรื่อยๆ หรือดีขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในสภาพที่แย่ น่าสงสารเพื่อเรียกร้องความสงสารจากผู้ใจดีให้โอนเงินมาให้

น้องอมยิ้มเองก็ถูกปฏิบัติเช่นนั้น แม่ทั้งถ่ายวีดีโอตอนน้องอ้วกเป็นเลือดมาให้ทุกท่านดู update ความย่ำแย่ของลูกให้ได้รับชม คนดูพอดูแล้วมืออ่อนเลยค่ะ โอนทันที

เวลาเจอกรณีแบบนี้จำไว้เสมอนะคะเมืองไทยมีสิทธิ 30 บาท ถ้าค่าใช้จ่ายไม่พอจริงๆ เคสในลักษณะนี้จะถูกส่งต่อพบนักสังคมสงเคราะห์เพื่อประเมินวินิจฉัยปัญหาทางสังคมต่อไปค่ะ (เดี๋ยวเราค่อยพูดถึงช่องวางปัญหาของเคสนี้ในระบบการดูแลต่อ) แต่ในเบื้องต้นถ้าพบเคส แบบนี้แนะนำเลยค่ะ ให้เข้าพบนักสังคมสงเคราะห์ที่โรงพยาบาลเลย ถ้าครอบครัวไหน หรือใครมาขอรับบริจาคปุ๊บให้ “เอ๊ะ” ไว้ก่อนค่ะ “เอ๊ะ” รอไว้ก่อน แล้วทำตามอีก step ด้านล่างคือ

ถ้าเจอใครตกทุกข์ได้ยากอยู่วิธีการช่วยเหลือที่ถูกต้องคือการหยิบโทรศัพท์โทรหา 1300 ไม่ต้องโอนเงินค่ะ ท่องพร้อมกันค่ะ 1300 กดเลยค่ะ

จำไว้เสมอว่าการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนเป็นหน้าที่ของ “รัฐ” การบริจาคกันเองมีความเสี่ยงมาก หลายคนเมื่อเคสถูกโพสต์ลง Facebook ก็รวยกันชั่วข้ามคืน และที่สำคัญเวลาเราบริจาคกันเข้าบัญชีส่วนตัวของใครก็แล้วแต่ นั่นคือเรากำลังถอยห่างให้รัฐที่ควรรับผิดชอบ ออกจากสมการนี้ไปค่ะ

ทางที่ดีท่องไว้ว่าโทร 1300 ให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปตรวจสอบและให้การช่วยเหลือ ถ้าอยากบริจาคแนะนำบริจาคผ่านองค์กรสาธารณประโยชน์ต่างๆ ดีกว่าค่ะ เบื้องต้นเท่านี้ก่อนนะคะ หยุดบริจาคเป็นนางใจดี นามสกุลโอนไวก่อน เพราะเราสามารถสร้างผลทางบวกได้ด้วยวิธีอื่นค่ะ เดี๋ยวแอดมินจะมาเขียนว่าเรื่องนี้สะท้อนปัญหาอะไรบ้างที่เราเห็นอีกครั้งในโพสต์ถัดไปนะคะ

Avatar photo