จากเมื่อวานที่มีการประมูลคลื่นความถี่ที่จัดโดย กสทช. วันนี้ เอไอเอสได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการหลังชนะการประมูลว่า เอไอเอสถือเป็นบริษัทที่มีคลื่นความถี่ในครอบครองสูงที่สุดในประเทศ คิดเป็นยอดรวม 120MHz รวมถึงมีคลื่นความถี่ระดับ Super Block หรือคลื่นที่ติดกันกว้างที่สุดสำหรับการให้บริการ 4G โดยหลังจากดีแทคหมดสัมปทานในเดือนกันยายนนี้ เอไอเอสระบุว่าความเร็วในการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 4G ทุกรุ่นจะเพิ่มขึ้น 15 – 30%
นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าทั่วไปของเอไอเอส เผยถึงการประมูลที่จบลงไปว่า คลื่นความถี่ที่ประมูลมาได้ เมื่อรวมกับคลื่นความถี่ที่มีอยู่เดิมจะทำให้เกิด Super Block ในคลื่นความถี่ 1800MHz จำนวน 40MHz (20MHz x 2) และทำให้เอไอเอสมีคลื่นความถี่รวมมากที่สุดในอุตสาหกรรม จำนวน 120MHz (60MHz x 2) ด้วย
คลื่นที่เอไอเอสมีอยู่
- คลื่นความถี่ 1800 MHz จำนวน 40 MHz (20 MHz X 2)
- คลื่นความถี่ 2100 MHz จำนวน 30 MHz (15 MHz X 2) ที่เป็นของเอไอเอสเอง และอีก 30 MHz (15 MHz X 2) ที่เป็นพันธมิตรร่วมกับ TOT
- คลื่นความถี่ 900 MHz อีก จำนวน 20 MHz (10 MHz X 2)
สำหรับเทรนด์การใช้งานอินเทอร์เน็ตของผู้ใช้งานชาวไทย เอไอเอสพบว่า เติบโตอย่างต่อเนื่องจากปี 2559 ที่อยู่ที่ 3.8 GB ต่อคนต่อเดือน มาในปี 2560 เติบโตขึ้นเป็น 7.3 GB และในไตรมาส 2 ของปีนี้ พบว่าแตะที่ระดับ 8.9 GB นอกจากนั้นยังมีการเติบโตของการใช้งานอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (IoT) จากภาคส่วนต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งจากเทรนด์ดังกล่าว เอไอเอสระบุว่า การมีคลื่นความถี่ไว้รองรับจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก
เอไอเอสเตรียมที่จะนำคลื่นความถี่ 1800 MHz ที่ประมูลมาได้เพิ่มในครั้งนี้ เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ เมื่อได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. และภายหลังจากบริษัทได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการดำเนินการอย่างครบถ้วน นับจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้งผลการประมูล และหลังจากที่คลื่นนี้หมดสัญญาสัมปทานเดิม