Lifestyle

‘เอม-พินทองทา’เมินการเมือง เผยชีวิต 60% งาน 40% ครอบครัว

9A8A8860E178423A971DAD1864E36ADB
เอม-พินทองทา คุณากรวงศ์ กับบริษัท เรนด์ฯ ซึ่งลงทุนธุรกิจโรงแรม 5 ดาว “โรสวูด แบงคอก”

วันก่อนในงานแถลงข่าวผลประกอบการ บมจ.เอสซีแอสเสท มีโอกาสได้สัมภาษณ์ เอม-พินทองทา คุณากรวงศ์ (ชินวัตร) บุตรสาวคนที่สองของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร เกี่ยวกับการใช้ชีวิต และไลฟสไตล์ในบทบาทคุณแม่ลูก 3 และนักธุรกิจสาว ผู้สืบทอดกิจการของครอบครัวชินวัตร ซึ่งมีหลายธุรกิจให้ดูแล เธอจัดสรรเวลาอย่างไร ระหว่างภารกิจครอบครัว การใช้ชีวิต และการทำงาน

“ก็พยายามบาลานซ์ให้ได้ทั้งงานและครอบครัว ลูกยังเล็กจึงพยายามให้เวลากับเค้าให้มากที่สุด” พินทองทา ย้ำและว่า ลูกสาวฝาแฝดคนโต 4 ขวบแล้ว ส่วนลูกชายคนเล็ก 2 ขวบ ยังเป็นวัยเด็กเล็กที่พ่อแม่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด

ในเรื่องเวลา พินทองทา บอกว่าได้พยายามปรับตัวมาเรื่อยๆ หาจุดที่พอดีในการดูแลลูก เพื่อหาจุดลงตัวที่ดีที่สุด ในภารกิจความเป็นแม่ และเป็นเวิร์คกิ้งมัม เพราะในความตั้งใจของเธอนั้น “ครอบครัวต้องดูแล แต่ภารกิจการงานก็ต้องรับผิดชอบด้วย”

taksin grandchild01
ครอบครัวคุณากรวงศ์ กับลูกๆ 3 คน ลูกสาวคู่แฝดคนโต และลูกชายคนเล็ก

พินทองทา บอกว่าเธอทำทั้งสองอย่างควบคู่กันไปและพยายามทำให้ดีที่สุด ด้วยการจัดสรรเวลาในชีวิตให้ลงตัว ซึ่งทุกวันนี้เวลา 60% ให้กับงาน ที่เหลือ 40% ให้กับครอบครัวและตัวเอง

งานสำหรับพินทองทา คือ ภารกิจบริหารและดูแลกิจการต่างๆ ของครอบครัวชินวัตร ในส่วนที่เป็นบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ ก็จะเป็นธุรกิจโรงแรม และสนามกอล์ฟ ได้แก่ โรงแรมเอสซีปาร์ค ที่กรุงเทพฯ และสนามกอล์ฟอัลไพน์ นอกจากนี้ก็มีกิจการรีสอร์ท “เทมส์ วัลลีย์”  ที่เขาใหญ่ ซึ่งเป็นรีสอร์ทบนพื้นที่ 10 ไร่ ที่เธอทดลองทำและบริหารกันเองกับน้องสาว (อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร) ลงทุนไว้เพื่อเป็นการทดลองตลาด และการทำธุรกิจ Hospitality หรือธุรกิจบริการที่พักรีสอร์ท-โรงแรม ก่อนที่จะมาลงทุนโครงการโรงแรมใหม่ที่กรุงเทพฯ ซึ่งคาดว่าจะเปิดบริการให้ทันภายในปีนี้

ธุรกิจโรงแรมใหม่ล่าสุดของพินทองทา ลงทุนในนาม บริษัท เรนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เป็นการพัฒนาโรงแรมโรสวูด แบงคอก ขึ้นในย่านเพลินจิต ซึ่งจะเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวมูลค่า 2,000 ล้านบาท เป็นอาคาร 33 ชั้น ประกอบด้วยห้องพักจำนวน 146 ห้อง บริหารโดยเชนโรสวูด (Rosewood Hotels & Resorts) ซึ่งปัจจุบันอาคารสร้างเสร็จแล้ว เหลือแค่การตกแต่ง และเตรียมจะเปิดบริการในปลายปีนี้ ให้ทันกับงานแต่งงานของน้องสาว อุ๊งอิง-แพทองธาร ที่จะจัดขึ้นในปีหน้า

พินทองทา ยังบอกด้วยว่า นอกจากธุรกิจที่ทำต่อจากครอบครัวแล้ว โดยส่วนตัวเป็นคนชอบเรื่องการลงทุน จึงได้ลงทุนด้วยการเปิดพอร์ตในตลาดหุ้น เป็นอีกหนึ่งธุรกิจส่วนตัวที่ชอบ “เอมชอบอินเวสต์เม้นท์ในตลาดทุน ก็เลยเปิดพอร์ตลงทุนที่ของตัวเอง ทำควบคู่ไปกับงานอื่นๆ”

เมินการเมืองมอง’คุณพ่อ’10ปีไม่หลุดพ้น

ส่วนเรื่องคุณพ่อ อดีตนายกรัฐนตรีทักษิณ ชินวัตร   พินทองทา บอกว่าเริ่มทำใจได้ เพราะอยู่กับปัญหานี้มาเป็นสิบปีแล้ว ก็ไม่รู้ว่าต้องยาวนานไปอีกเมื่อไร แต่ก็เริ่มปรับตัวได้แล้ว มีการเดินทางไปเยี่ยมเยียนคุณพ่อออยู่บ่อยๆ พาหลานๆ ไปหาคุณตาเกือบจะทุกๆ สองเดือน

เด็กๆ เริ่มโตก็เริ่มมีคำถามตามมาเวลาพาไปเยี่ยมคุณตาที่ต่างประเทศ ลูกก็เริ่มถามว่า.. “ทำไมคุณตาไม่มากับเรา ทำไมคุณตาไม่มาที่บ้าน” พินทองทา เล่าให้ฟังพร้อมอธิบายว่า โดยส่วนตัวก็พยายามอธิบายให้ลูกเข้าใจ และตั้งใจว่าจะไม่ปิดบังอะไร คิดว่าจะเล่าความจริงทุกอย่างให้เค้าฟังเมื่อเขาโตขึ้น

“วันนี้ถามว่าสนใจเรื่องการเมืองไม๊ ตอบได้เลยว่าไม่สนใจ และคุณพงศ์ (สามี-ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์) ก็คิดว่าไม่สนใจเหมือนกัน ส่วนที่มีคนบอกว่าคุณพ่ออยากให้คุณพงศ์ลงสนามการเมือง เรื่องนี้ก็ไม่จริงค่ะ ไม่มีคำสั่งหรือคำร้องขออะไรจากคุณพ่อเลย”

พินทองทา ย้ำว่าทุกวันนี้ทำงานทำธุรกิจก็ดีอยู่แล้ว ไม่คิดว่าจะสนใจการเมือง ดูอย่างคุณพ่อที่ต้องเผชิญปัญหาผ่านมากว่า 10 ปีแล้วยังไม่คลี่คลาย ไม่เคยคิดว่าจะยาวนานขนาดนี้ ส่วนตัวเลยมองว่าไม่ยุ่งดีกว่าการเมือง

การใช้ชีวิตก็เป็นปกติทั่วไป ทำงาน ดูแลครอบครัว ดูแลตัวเอง ทุกวันนี้ทำทุกอย่างให้พอดี ทั้งชีวิต-งาน-และครอบครัว ซึ่งนอกจากทำงานและดูแลลูกแล้ว ก็ยังมีเวลาออกกำลังกายทุกวัน โดยทำที่บ้านใช้เวลาช่วงเช้าๆ เป็นการออกกำลังกายที่ดูจากยูทูปและทำตาม ตัดปัญหาเรื่องการเดินทางออกไป เพราะแต่ก่อนจะออกกำลังกายต้องใช้เวลา 3 ชม. เริ่มจากออกเดินทางจากบ้านย่านรามอินทราไปยิมใช้เวลา 1 ชม. ออกกำลังกายอีก 1 ชม. และเดินทางกลับอีก 1 ชม. เสียเวลามาก เลยเปลี่ยนมาออกกำลังกายที่บ้านสะดวกจัดสรรเวลาได้ลงตัวขึ้น

พิณทองทา – ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์

นอกจากงานและครอบครัวแล้ว การเดินทางท่องเที่ยวก็เป็นอีกกิจกรรม ที่คุณแม่ยังสาวบอกว่าวางแผนไว้ทุกปี เพราะเป็นอะไรที่ชอบและผ่อนคลาย จึงวางแพลนสำหรับการเดินทางไว้อย่างน้อยปีละสองครั้ง จะต้องเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งก็มีคุยกันกับคุณพงศ์ว่า เราจะมีทริปที่ไปกันสองคนบ้าง นอกจากทริปที่ไปทั้งครอบครัวแล้ว เพื่อเป็นการผ่อนคลายจากภารกิจประจำวัน

“โดยส่วนตัวแล้วชอบญี่ปุ่นค่ะ ชอบอาหาร และวัฒนธรรม ชอบกันทั้งคู่ ทั้งเอมและคุณพงศ์ ก็มีแพลนกันบ่อยหน่อย อีกอย่างชอบไปนั่งคาเฟ่จิบกาแฟ เปลี่ยนบรรยากาศ”

ส่วนเรื่องความเครียด พินทองทายอมรับว่าก็มีบ้าง แต่พยายามจะไม่แสดงออกหรือกดดันใคร เวลาเครียดก็พยายามตั้งสติให้รู้ว่าเครียด รู้ว่าโกรธ แล้วก็ใช้หลักธรรมะ ทำใจให้เป็นกลางช่วยผ่อนคลายสถานการณ์ เรื่องนี้ก็นำมาสอนลูกด้วยเช่นกัน สอนให้รู้จักความโกรธและรู้จักผ่อนคลาย ซึ่งตัวเองมองว่าเป็นเรื่องปกติใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป ทั้งทำงาน ดูแลครอบครัว ดูแลตัวเอง พยายามบาลานซ์ให้ได้มากที่สุด

 

Avatar photo