รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า โครงการติดตั้งจอภาพอัจฉริยะบริเวณป้ายรถเมล์ 20 จุด พร้อมเช่าระบบจีพีเอสบนรถเมล์ 2,600 คัน เป็นระยะเวลา 5 ปี วงเงิน 338 ล้านบาท ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ได้เกิดปัญหาขึ้น 2 ประเด็น
1.รถเมล์ที่ติดตั้งระบบจีพีเอสกว่า 300 คัน จากทั้งหมด 2,600 คัน เป็นรถที่ ขสมก. กำลังมีคดีฟ้องร้องกับบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัดและยังไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้
ขสมก. จึงไม่ได้จ่ายค่าเช่าระบบจีพีเอสบนรถเมล์ทั้ง 300 คัน แก่ผู้ชนะการประมูล คือ บริษัท ซูเล็ค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เพราะถือว่ายังไม่ได้ใช้งานระบบจีพีเอสบนรถเมล์ทั้ง 300 คัน
2.กรุงเทพมหานคร (กทม.) ไม่ยอมส่งมอบพื้นที่ติดตั้งป้ายรถเมล์อัจฉริยะ 20 จุดให้กับ ขสมก. ส่งผลให้ไม่สามารถดำเนินการติดตั้งป้ายรถเมล์อัจฉริยะได้ แม้เอกชนจะสั่งซื้ออุปกรณ์ไว้หมดแล้ว
ขณะนี้ ขสมก. ขอให้เอกชนแยกงานติดตั้งป้ายรถเมล์อัจฉริยะ ออกจากสัญญาหลักเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้งานอื่นในสัญญาสามารถเดินหน้าต่อไปได้ เช่น การติดตั้งจีพีเอสบนรถเมล์ 2,600 คัน
จากปัญหาทั้ง 2 ข้อ ส่งผลให้ ขสมก. จ่ายเงินค่าเช่าแก่เอกชนน้อยกว่าในสัญญา ประมาณ 8.5 แสนบาทต่อเดือน
นายประยูร ช่วยแก้ว รักษาการผู้อำนวยการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ขสมก. ได้เจรจาขอพื้นที่ติดตั้งป้ายรถเมล์อัจฉริยะ 20 จุดจาก กทม. ไว้ก่อนหน้านี้ แต่สุดท้าย กทม. ระบุว่าไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ให้ ขสมก. และเอกชนไปดำเนินการได้
ขสมก. จึงเจรจากับเอกชน เพื่อขอแยกงานติดตั้งป้ายรถเมล์ฯ ออกจากสัญญาหลัก และได้ลงนามยกเลิกสัญญางานติดตั้งป้ายรถเมล์ฯ ไปเรียบร้อยแล้ว ไม่มีปัญหาใดๆ โดยยอมรับว่าเอกชนได้สั่งซื้ออุปกรณ์ติดตั้งป้ายรถเมล์ฯ มาแล้ว แต่เอกชนคงสามารถจำหน่ายอุปกรณ์ดังกล่าวหรือแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่นๆ ได้
สำหรับจีพีเอสที่ติดตั้งบนรถเมล์กว่า 300 คัน ซึ่งมีคดีฟ้องร้องกับเบสท์รินฯ นั้น ขณะนี้ ขสมก. ยังไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เดิม ขสมก. ได้ตั้งเป้าให้โครงการป้ายรถเมล์อัจฉริยะ แสดงข้อมูลเรื่องเวลาและสายรถเมล์ที่กำลังจะมาถึง, แสดงสถานที่สำคัญใกล้เคียง และแสดงข้อมูลสำคัญจากส่วนกลาง เช่น ข้อความประชาสัมพันธ์ที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้โดยสาร เป็นต้น
