บรรดาบุคลากรทางการแพทย์ในเบลเยียม พากันยืนหันหลังให้กับนายกรัฐมนตรีโซฟี วิลเมส ผู้นำประเทศ ระหว่างที่เดินทางไปเยี่ยมโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงบรัสเซลส์ เพื่อแสดงออกถึงความผิดหวังต่อนโยบายของรัฐบาล ในการรับมือกับวิกฤติโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในประเทศ
ก่อนหน้าที่จะเดินทางไปเยี่ยมโรงพยาบาลเซนต์ปีเตอร์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลหลักในการรักษาผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเบลเยี่ยมนั้น นางวิลเมสทวีตข้อความว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ จะเป็นช่วงเวลาอันสำคัญทั้งสำหรับเธอ และบุคลากรทางการแพทย์ ที่จะได้พบปะ และพูดคุยกัน ทั้งในเรื่องสถานการณ์สาธารณสุข ความตึงเครียดทางจิตใจ คุณค่าของงาน และการสนับสนุนทางการเงิน
อย่างไรก็ดี สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกลับแตกต่างออกไป โดยบรรดาแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางแพทย์อื่นๆ พากันมายืนเรียงแถว หันหลังให้กับขบวนรถยนต์ของเธอ เหตุการณ์ที่นักสังเกตการณ์บางรายบอกว่า เป็นการแสดงออกที่น่าจะสร้างความอับอายให้กับผู้นำเบลเยียม
Doctors and nurses have turned their backs on Belgium's prime minister in a silent protest.
Sophie Wilmes arrived to a deafening silence at a hospital, as staff are see turning away.
For the latest on #COVID19, visit: https://t.co/4ozTbgvoxl pic.twitter.com/AQCrNUmxdf
— SkyNews (@SkyNews) May 18, 2020
ในเวลาต่อมา ตัวแทนบุคลากรทางการแพทย์ ของโรงพยาบาล ได้ออกมาอธิบายถึงการกระทำดังกล่าวว่า บุคลากรที่เป็นแนวหน้าในการรับมือกับวิกฤติโควิด-19 ต่างรู้สึกผิดหวังกับวิธีการที่รัฐบาลรับมือกับเรื่องที่เกิดขึ้น และนโยบายทางด้านสาธารณสุขโดยทั่วไป รวมถึง เรื่องที่เป็นประเด็นกันอยู่ อย่าง การตัดงบประมาณ เงินเดือนในระดับต่ำ และการขาดแคลนเจ้าหน้าที่
บุคลากรการแพทย์เหล่านี้ ยังไม่พอใจที่รัฐบาลผ่านพระราชกฤษฎีกา เปิดทางให้บุคคลที่ไม่ผ่านการอบรมวิชาชีพเฉพาะ เข้าทำงานในตำแหน่งพยาบาล แทนที่จะจ่ายเงินจ้างบุคคลที่เป็นมืออาชีพให้เข้ามาทำงาน
ก่อนหน้านี้ หมอและพยาบาลจาก 12 โรงพยาบาลใหญ่ทั่วกรุงบรัสเซลส์ ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาล เรียกร้องให้ถอดถอนพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าว เพราะจะส่งผลเสียต่อความพยายามในการรักษาผู้ป่วยมากกว่าเป็นผลดี
ขณะที่สหภาพพยาบาลแห่งเบลเยี่ยม ก็ได้ออกแถลงการณ์วิจารณ์เรื่องนี้ และว่า การอนุญาตให้บุคคลใดๆ ก็ตามที่ไม่ได้รับการฝึกอบรมวิชาชีพ สามารถทำหน้าที่พยาบาลได้นั้น ถือเป็นการกระทำที่ดูถูกอาชีพพยาบาลว่าไม่จำเป็นต้องมีทักษะ และใครก็สามารถทำหน้าที่นี้ได้
นางวิลเมสได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีอาร์ทีบีเอฟ ถึงการตัดสินใจผลักดันพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ว่า เพราะต้องการแก้ปัญหาบุคลากรทางการแพทย์ขาดแคลน
- สวม ‘หน้ากากอนามัย’ ในที่สาธารณะ เรื่องใหม่ในวัฒนธรรมยุโรป
- ทั่วโลกติดเชื้อ 4.8 ล้าน ‘สหรัฐ’ ยอดดับ ‘โควิด-19’ ทะลุ 9 หมื่นราย
- ‘ศูนย์ข้อมูล COVID-19’ เผย ‘สิงคโปร์’ ยังขึ้นแท่นยอดติดเชื้อสูงสุดในอาเซียน!