Business

‘ฮ็อป อินน์’ ทยอยเปิดแล้ว 20 แห่ง เชื่อไทยเที่ยวไทยเริ่มฟื้น มิ.ย.นี้

ดิ เอราวัณ กรุ๊ป เริ่มทยอยเปิดให้บริการโรงแรมในเครือ ประเดิมเปิด ฮ็อป อินน์ 20 แห่ง เน้นต่างจังหวัด รอท่านักท่องเที่ยวไทยเดินทางท่องเที่ยวอีกครั้งเดือนมิถุนายนนี้ คาดปลายปีนักเที่ยวต่างชาติเริ่มเข้าไทย

นางสาววรมน อิงคตานุวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) เปิดเผยว่า บริษัทได้กลับมาเปิดให้บริการโรงแรม ฮ็อป อินน์ (HOP INN) แล้วตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค.นี้ เป็นต้นไป เริ่มจาก 20 แห่งใน 16 จังหวัด

ฮ็อป อินน์

สำหรับโรงแรมฮ็อป อินน์ ที่เปิดแล้ว 20 แห่งได้แก่ กาญจนบุรี, แจ้งวัฒนะ, เชียงราย, เชียงราย หอนาฬิกา, เชียงใหม่, เชียงใหม่ ซุปเปอร์ไฮเวย์, นครปฐม, นครสวรรค์ มุกดาหาร, แม่สอด, ร้อยเอ็ด, ระยอง, รังสิต, ลพบุรี, ลำปาง, ลำปาง ซิตี้ เซ็นเตอร์, สระแก้ว, สุราษฎ์ธานี, หนองคาย, อุบลราชธานี เป็นต้น ซึ่งในช่วงแรกพบว่ามียอดจอง คิดเป็นอัตราการเข้าพัก 7-10%

นอกจากนี้ บริษัทจะทยอยเปิดให้บริการโรงแรมเพิ่มเติมในพื้นที่ที่ภาครัฐไม่มีข้อจำกัดในการเปิดให้บริการ พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับมาตรการรักษาความสะอาดในทุกๆ ด้านเพื่อให้ผู้เข้าพักมีความมั่นใจในความสะอาด และการใช้บริการภายในโรงแรม

ทั้งนี้ การเปิดให้บริการโรงแรมของเครือ ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จะพิจารณาจาก 4 องค์ประกอบ คือ 1. เป็นไปตามคำสั่งของภาครัฐ 2. มั่นใจว่าโรงแรมจะเป็นไปตาม Standard Hygiene Procedure โดยเฉพาะเรื่องของความสะอาดและปลอดภัย 3. วิเคราะห์ดีมานด์ และ 4. ผลกระทบด้านการเงิน

อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 2 นี้ จะมีแค่กลุ่มฮ็อป อินน์ เปิดให้บริการ โดยจะเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่เดือน พฤษภาคมนี้ จากนั้นจะเปิดบริการกลุ่มโรงแรม Midscale ถึง Economy ช่วงไตรมาส 3 ส่วนกลุ่มสุดท้ายที่จะกลับมาเปิด คือกลุ่มที่พึ่งพาตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงโรงแรมระดับ 5 ดาว

hopinn4

“หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย เชื่อว่าตลาดนักท่องเที่ยวในประเทศจะกลับมาเป็นตลาดแรก และเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดใกล้ๆ ก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทางด้วยเครื่องบิน” นางสาววรมนกล่าว

ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวในประเทศจะเริ่มกลับมาในเดือน มิ.ย.-ก.ค.63 และนักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมาได้ในช่วงไตรมาส 4 หรือปลายปีนี้เป็นต้นไป

พร้อมกันนี้ บริษัทจะชะลอการลงทุนพัฒนาโรงแรมใหม่ และการปรับปรุงโรงแรมเดิมออกไปก่อนในปีนี้ จนกว่าสถานการณ์จะกลับเป็นปกติ โดยในช่วงต้นปีบริษัทวางงบลงทุนไว้ที่ 1,400 ล้านบาท ใช้ไปแล้วในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาราว 250 ล้านบาท ซึ่งการกลับมาลงทุนจะพิจารณาถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวและสภาพคล่องเป็นหลัก โดยหากกลับมาลงทุนจะใช้งบลดเหลือราว 500-700 ล้านบาท

ปัจจุบัน ดิ เอราวัณ กรุ๊ป มีกระแสเงินสดราว 1,400 ล้านบาท และยังมีวงเงินสนับสนุนจากสถาบันการเงินอีกราว 6,100 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อการรองรับการดำเนินกิจการในช่วงวิกฤตินี้

Avatar photo