Economics

‘ตรึงอัตรา’ เก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน-ขยายกรอบวงเงิน 10,000 ล้าน อุดหนุนแอลพีจีต่อเนื่อง

กบน. ตรึงอัตราเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน พร้อมขยายกรอบวงเงินเป็น 10,000 ล้าน อุดหนุนแอลพีจีถัง 15 กก.ต่อเนื่อง ลดภาระประชาชนจากโควิด-19

S 13877255

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวหลังการประชุม คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ว่า มีมติ 2 เรื่อง เพื่อลดภาระประชาชน ประกอบด้วย

1.คงอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไว้คงเดิม เพื่อไม่ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันภายในประเทศ เพิ่มขึ้นจากการปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ มาตรการนี้ทำให้เงินกองทุนน้ำมันฯติดลบเดือนละ 37 ล้านบาท

โดยอัตราจัดเก็บดังนี้ เบนซิน 6.58 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 E10 อัตรา 0.62 บาท แก๊สโซฮอล์ 91 E10 อัตรา 0.62 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 E20 -2.28 บาท แก๊สโซฮอล์ 95 E 85 -7.13 บาท ดีเซล บี 7 อัตรา 1 บาท ดีเซล บี 10 อัตรา -2.5 บาท ดีเซล บี 20 อัตรา -4.16 บาท

2. ขยายกรอบการใช้เงินเพื่ออุดหนุนราาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) เป็น 10,000 ล้านบาท จากกรอบเดิม 7,000 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อลดราคาขายปลีกแอลพีจีบรรจุถึง 15 กก.อยู่ที่ 318 บาทต่อถังต่อไป หรือ 18.87 บาทต่อกก. จากเดิม 21.87 บาทต่อกก. เพราะปัจจุบันการใช้เงินกองทุนน้ำม้นฯเพื่ออุดหนุนราคาแอลพีจี ติดลบใกล้ถึงระดับ 7,000 ล้านบาทแล้ว

สำหรับฐานะของกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 17 พฤษภาคม อยู่ที่ 35,176 ล้านบาท แบ่งเป็น เงินบัญชีน้ำมัน 41,358 ล้านบาท บัญชีแอลพีจี ติดลบ 6,182 ล้านบาท  

การพิจารณาช่วยเหลือดังกล่าว เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ และส่งผลกระทบต่อการดำรงชีพของประชาชน ประกอบกับราคาน้ำมันยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ดังนั้นเพื่อเป็นการช่วยบรรเทาผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน จึงดำเนินมาตรการดังกล่าว

ส่วนกรณีราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ ที่ปรับขึ้นนั้นอย่างต่อเนื่องนั้น เป็นเพราะ ราคาน้ำมันดิบ ได้ขยับขึ้นจาก 26.62 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2563 เป็น 31.96 ดอลลาร์ เมื่อ 15 พฤษภาคม 2563 โดยหากขึ้นไปแตะ 40-50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จึงจะมาพิจารณาอีกครั้งว่าอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯควรเป็นเท่าไหร่ต่อไป

 

Avatar photo