พายุไต้ฝุ่นหว่องฟง พัดถล่มพื้นที่ตอนกลางของฟิลิปปินส์ในวันนี้ (14 พ.ค.) ทำให้ทางการต้องอพยพประชาชนหลายหมื่นคน ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีความซับซ้อน และความเสี่ยง จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้ประชาชนเหล่านี้ต้องอยู่แต่ในบ้าน ตามมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาล
ทั้งนี้ มีผู้คนราว 200,000 คน อยู่ในพื้นที่ชายฝั่งทะเล หรืออยู่ในบ้านที่ไม่แข็งแรง ในจังหวัดที่อยู่ใกล้กับพื้นที่ที่พายุไต้ฝุ่นหว่องฟง พัดขึ้นฝั่ง ทำให้เกิดลมกระโชกแรง และฝนตกลงมาอย่างหนัก
รายงานข่าวระบุว่า ยังมีผู้คนอีกนับสิบล้าน ที่อาศัยอยู่ในเส้นทางที่คาดว่าพายุไต้ฝุ่นจะเคลื่อนตัวผ่าน และคาดว่าเส้นทางของพายุลูกนี้จะเฉียดใกล้กับกรุงมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์ ที่มีประชากรอยู่อย่างหนาแน่นด้วย
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของฟิลิปปินส์ระบุว่า ไต้ฝุ่นหว่องฟงจะทำให้เกิดลมกระโชกแรง และฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และแผ่นดินถล่มได้ ซึ่งในพื้นที่ที่เป็นทางผ่านของพายุ ก็กำลังอยู่ภายใต้ภาวะล็อกดาวน์ เพื่อควบคุม และป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในระดับที่แตกต่างกันออกไป โดยมีผู้คนจำนวนมากอยู่กับบ้านเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ
จากภัยคุกคามของทั้งพายุและไวรัสได้ทำให้ศูนย์อพยพทางตอนกลางของฟิลิปปินส์ รับผู้อพยพได้เพียงครึ่งเดียวของความจุ และต้องให้ผู้อพยพทุกคนสวมหน้ากาก แต่ผู้อพยพที่มีเป็นจำนวนมาก และมีพื้นที่จำกัด ก็ทำให้ทางการต้องขอให้โบสถ์ใหญ่ 47 แห่ง ในพื้นที่เปิดรับผู้อพยพที่หนีภัยไต้ฝุ่นหว่องฟง ซึ่งเป็นไต้ฝุ่นลูกแรกของปีนี้
- ด่วน! กพท. เห็นชอบเปิด ‘สนามบินภูเก็ต’ ดีเดย์ 16 พ.ค.นี้
- ‘โควิด-19’ จุดชนวน ‘เกลียดเอเชีย’ ลามทั่วโลก
- โควิด-19 ระบาดหนักใน ‘อินโดฯ’ ผู้ป่วยใหม่เกิน 600 รายต่อวันเป็นครั้งแรก