Technology

แนะเกษตรกรไทยใช้ ‘ไอโอที’ พลิกวิกฤติ ชิงตลาดแสนล้าน

ศูนย์วิจัยธนาคารกรุงไทย ชี้เทคโนโลยีไอโอที ทางรอดเกษตรกรไทย เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ลดต้นทุนการผลิต โอกาสเอสเอ็มอี 3 กลุ่มหลัก ชิงตลาดกว่าแสนล้าน พร้อมกรุยทางสู่สมาร์ม ฟาร์มเมอร์

ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีเกษตร หรือ Agritech ก้าวหน้าไปมาก สามารถปลดล็อกอุปสรรคต่างๆและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจเกษตรไทย โดยเฉพาะเทคโนโลยีไอโอที

Agritech1

ทั้งนี้ หัวใจหลักของเทคโนโลยี คือ การใช้เทคโนโลยีเซ็นเซอร์ติดตามและตรวจสอบสถานะข้อมูลที่จำเป็นในการเพาะปลูกแบบเรียลไทม์และเฉพาะเจาะจงกับพื้นที่ผลิตจริงได้ด้วยตนเอง ทำให้ผู้ประกอบการตัดสินใจและบริหารจัดการการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้เกษตรกรรุ่นใหม่ประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น ลดความเสียหายของผลผลิตจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังเป็นแรงผลักดันให้ภาคเกษตรต้องใช้เทคโนโลยีมากขึ้น ทดแทนการใช้แรงงาน ลดการสัมผัสและการติดต่อระหว่างมนุษย์อีกด้วย

สำหรับเทคโนโลยีไอโอที จะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับธุรกิจเกษตรใน 3 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ผลิตสินค้าเกษตรที่มีมูลค่าเพิ่มหรือเจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ผู้ผลิตสินค้าตามเงื่อนไขเกษตรพันธสัญญา (Contract Farming) ให้กับผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีตลาดรองรับชัดเจน รวมทั้งธุรกิจร้านอาหารที่ควบคุมห่วงโซ่การผลิตวัตถุดิบทางการเกษตรด้วยตนเอง มุ่งเน้นตอบโจทย์ด้านสุขภาพ

ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ
ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ

ปัจจุบัน ทั้ง 3 กลุ่มดังกล่าว มีผู้ประกอบการกว่า 6,000 ราย มีมูลค่าตลาดรวมกันกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งเทคโนโลยีไอโอทีจะสามารถช่วยลดต้นทุนได้ถึง 30-40% และช่วยเพิ่มผลผลิตต่อไร่ได้ถึง 1.4-1.9 เท่า หากมีการนำเทคโนโลยีไอโอทีมาใช้อย่างจริงจัง ควบคู่กับเทคโนโลยีทางการเกษตรที่เหมาะสมอื่นๆ จะส่งผลให้ผลผลิตข้าวต่อไร่มีโอกาสเพิ่มจาก 456 กก./ไร่ เป็น 638-933 กก./ไร่ ทำให้สามารถแข่งขันในตลาดส่งออกข้าวได้ง่ายขึ้น และในอนาคตจะใช้ร่วมกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ ในการช่วยวิเคราะห์ วางแผนและตัดสินใจแทนมนุษย์มากยิ่งขึ้น

ด้านนายอภินันทร์ สู่ประเสริฐ รองผู้อำนวยการฝ่าย ผู้ร่วมทำวิจัยกล่าวเสริมว่า เทคโนโลยีไอโอที จะเพิ่มความแม่นยำในการเพาะปลูก สามารถสอดแทรกในทุกขั้นตอนการผลิต ทั้งการติดตามสภาพดิน การควบคุมโรคและศัตรูพืช เป็นตัวช่วยสำคัญในการติดตามสุขภาพของพืชและสัตว์

โดรน

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีไอโอที ได้แก่ ระบบการติดตามปศุสัตว์ (Livestock Monitoring) ที่ใช้เซ็นเซอร์เก็บรวบรวมข้อมูลสถานที่และตำแหน่งของฝูงปศุสัตว์ ตรวจสุขภาพสัตว์ ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านแรงงาน และป้องกันการแพร่กระจายโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ โรงเรือนปลูกพืชระบบปิด (Smart Greenhouse) ด้วยการนำเซ็นเซอร์และแอปพลิเคชันมาช่วยควบคุมสภาพแวดล้อมต่างๆ ให้เหมาะสมต่อการเพาะปลูก เป็นต้น การใช้อุปกรณ์อากาศยานไร้คนขับสำหรับจัดการแปลงเกษตร เป็นต้น

นอกจากนี้ ไอโอที ยังเป็นเทรนด์เทคโนโลยีที่ภาครัฐส่งเสริมเพื่อก้าวเข้าสู่ยุคเกษตร 4.0 โดยภาครัฐตั้งเป้าผลักดันการทำเกษตรแบบ สมาร์ท ฟาร์มเมอร์ ซึ่งเป็นแนวโน้มของเกษตรทั่วโลก

นายอภินันทร์ สู่ประเสริฐ
อภินันทร์ สู่ประเสริฐ

สำหรับ ธุรกิจเกษตรสามารถประยุกต์เทคโนโลยีไอโอที ได้จากการศึกษาผลงานวิจัยต่างๆ และขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อช่วยให้สามารถใช้เทคโนโลยีให้ประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น ประกอบด้วย หน่วยงานวิจัยจากภาครัฐ เช่น ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ศูนย์เทคโนโลยีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (TMEC) และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (Depa) ผู้ให้บริการระบบสื่อสารและโทรคมนาคม (Telco) ผู้ผลิตเครื่องจักรกลเกษตร ตลอดจนกลุ่ม Agritech Startup และผู้ให้คำปรึกษาด้านไอที

Avatar photo