วันนี้ (13 พ.ค.) เว็บไซต์ บีบีซี ไทย เผยแพร่บทสัมภาษณ์พิเศษ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่เจ้าตัวบอกว่า “วันนี้ผมไม่พูดเรื่องการเมืองนะ” และว่า “ผมมันตกจอไปนานแล้ว เอาผมมาออกทำไม ผมมันโนเนมไปแล้ว”
แม้จะพูดเช่นนั้น ทว่าเมื่อต้นเดือนนี้ ชื่อของเขาปรากฏเป็นเจ้าภาพในงานศพผู้หญิงคนหนึ่งที่จบชีวิตตัวเอง โดยก่อนตัดสินใจดังกล่าว เธอได้โพสต์ภาพวาด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทางเฟซบุ๊ก และเล่าเรื่องราวความยากลำบากในชีวิตที่ต้องเผชิญท่ามกลางวิกฤตการระบาดของโรคโควิด-19
นอกจากนี้ ยังมีภาพใบหน้ายิ้มชื่นที่ปรากฏอยู่บนขวดเจลแอลกอฮอล์ล้างมือซึ่ง ส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคนนำออกแจกจ่ายในหลายพื้นที่ทางภาคอีสาน บนขวดพลาสติกใสมีข้อความ “เป็นห่วงพี่น้องชาวไทยจากใจ❤❤” เขียนด้วยลายมือพร้อมลายเซ็นกำกับชื่อ สำทับด้วยตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ซึ่งขวดเจลแอลกอฮอล์ล้างมือชนิดเดียวกันยังมีรุ่น “ภาพคู่พี่น้อง” ของนายทักษิณ กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกแจกจ่ายด้วย
ในคลิป ทักษิณ ระบุว่า “ชื่อผมมันถูกใช้เยอะแยะไปหมด เพราะว่าบางทีผมไม่รู้ตัวเหมือนกัน คือผมเห็นใจนะ คนที่ต้องลำบาก ถึงฆ่าตัวตาย ผมเห็นใจ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทาง ส.ส. พื้นที่ เขาเห็นเหมาะสม เขาก็ไปใส่ชื่อผมไปเป็นเจ้าภาพ ซึ่งผมแสดงความเสียใจด้วย แค่นั้นเอง ผมเป็นเจ้าภาพได้ยังไง ผมอยู่ที่นี่”
เมื่อถูกขอให้มองภาพการแก้ปัญหาโรคโควิด-19 ของไทยเขาจึงเริ่มต้นด้วยการชื่นชมไทยว่ามีอัตราการเสียชีวิตต่ำ แต่เขาเชื่อว่านั่นเป็นเพราะระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็งอยู่ก่อนแล้ว
“ผมเป็นห่วงเรื่องการตรวจ เพราะถ้าเราตรวจน้อย เราพบน้อยแน่นอน แต่การตรวจก็ไม่จำเป็นต้องตรวจทั้งหมดซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง สามารถใช้ทฤษฎีเรื่องการสุ่มตรวจในกลุ่มเสี่ยงบางกลุ่มได้”
เขาบอกว่าเฝ้าติดตามการแก้ปัญหาการระบาดใหญ่ของไวรัสตัวนี้อย่างใกล้ชิด สอบถามที่ปรึกษา นักวิทยาศาสตร์ แพทย์ และนักวิชาการอยู่ตลอดเวลา จนเชื่อว่าเขาเข้าใจเชื้อโรคและการระบาดนี้ได้ดีพอควร
เขาเห็นผู้นำหลายชาติในโลก “ไม่เข้าใจเชื้อโรคนี้อย่างแท้จริง” จึงแก้ปัญหาโดยไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจ และหากเขาได้มีโอกาสแก้ปัญหาประเทศตอนนี้ก็จะ “ไม่ล็อกดาวน์” โดยอธิบายว่า ได้ศึกษาเกี่ยวกับเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิด โรคไข้หวัดนก และโรคซาร์สที่เคยระบาดครั้งแรกในไทยเมื่อปี 2546 และไวรัสที่ทำให้เกิดโรคโควิด-19 แล้ว เขาเชื่อว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ไม่ได้ร้ายแรงมากไปกว่าเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคซาร์ส
ดังนั้น จึงมองมาตรการล็อกดาวน์กับการเพิ่มระยะห่างทางสังคมที่รัฐบาลทั่วโลกกำลังทำอยู่เป็นสิ่งที่ได้ไม่คุ้มเสีย และหากมีอำนาจเขาจะ “คลายเรื่องของการล็อกดาวน์ทันที”
อดีตนายกรัฐมนตรีรายนี้ บอกด้วยว่า ตัวเขาเองคงไม่สามารถจะช่วยคนเป็นล้านล้านได้ แต่ว่าช่วยตามกำลัง ช่วยตามน้ำใจ วันนี้เขาเป็นคนที่ถูกไม่ให้เป็นคนไทยอยู่แล้ว มาอยู่เมืองนอก พาสปอร์ตไทยก็ไม่มี อยู่เมืองนอกนี่ ช่วยทำฐานะที่เคยเป็นนายกฯ เคยมีคนสนับสนุนเยอะแยะ เป็นห่วงเขาแค่นั้นเอง
ขอบคุณเรื่อง และภาพจาก BBC Thai
- ‘นายกฯ’ ขอทุกคนอดทนอีกนิด ตั้งเป้าคลายล็อกดาวน์เฟส 2 วันที่ 17 พ.ค.
- ‘ล็อกดาวน์’ พ่นพิษ ‘แรงงานนอกระบบ’ สะเทือนทั่วโลก
- ‘หอการค้า’ วอนเอกชน Work from Home ต่อ แม้คลายล็อกดาวน์เฟส 2