ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
แว่วมาว่า ฝ่ายหนึ่งต้องการเสนอให้ ครม.พิจารณาเฉพาะแนวทาง การลดสัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลังจากเดิม 51.03% เหลือไม่เกิน 50% เท่านั้น อีกฝ่ายหนึ่งต้องการผลักดันให้เสนอทุกแนวทาง นอกเหนือการลดสัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลังดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้ แนวทางอื่นประกอบด้วย
(1) ให้กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ระยะสั้นจำนวนประมาณ 54,700 ล้านบาท ที่การบินไทยต้องการ
(2) ให้การบินไทยเพิ่มทุนประมาณ 83,400 ล้านบาท
(3) ให้แปลงหน่วยธุรกิจ (Business Unit) เป็นบริษัท
(4) ให้เปลี่ยนวิธีการจำหน่ายตั๋ว
และ (5) ปรับปรุงโครงสร้างองค์กร ปรับเปลี่ยนเส้นทางการบิน ลดจำนวนพนักงาน ฯลฯ ตามที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ให้ความเห็นชอบ เมื่อความเห็นยังไม่ตรงกัน จึงไม่มีการนำเรื่องการบินไทยเข้าสู่การพิจารณา
หากในที่สุด ไม่มีการพิจารณาให้กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ให้การบินไทย การบินไทยก็จะขาดสภาพคล่อง อะไรจะเกิดขึ้นกับการบินไทย หลังจากนี้จึงน่าติดตามอย่างยิ่ง
ผมคาดว่าการบินไทยจะยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลาง เพื่อขอฟื้นฟูกิจการ เนื่องจากมีข้อดีต่อการบินไทย ดังนี้
1. สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้
2. พักชำระหนี้ได้ เพราะเจ้าหนี้ไม่สามารถบังคับให้การบินไทยชำระหนี้ในช่วงเวลาฟื้นฟูกิจการได้ การบินไทยจึงมีเวลาที่จะฟื้นฟูกิจการได้ เช่น ลดฝูงบิน ปรับเปลี่ยนเส้นทาง ปรับเปลี่ยนวิธีจำหน่ายตั๋ว ลดจำนวนพนักงาน ลดเงินเดือนและสวัสดิการ เป็นต้น
3. เจรจาให้เจ้าหนี้ลดหนี้ลง ยืดระยะเวลาการชำระหนี้ และแปลงหนี้เป็นทุนได้
แต่อย่างไรก็ตาม การเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ก็มีข้อเสียต่อการบินไทย และภาพรวมของประเทศ ดังนี้
1. ต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูกิจการนาน
2. สหกรณ์ออมทรัพย์ที่ซื้อหุ้นกู้จากการบินไทย อาจขาดสภาพคล่อง เนื่องจากไม่ได้รับดอกเบี้ย และเงินต้นคืนจากการบินไทยในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
3. อาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของตลาดตราสารหนี้ (หมายถึงพันธบัตรที่หน่วยงานของรัฐขาย หรือหุ้นกู้ที่บริษัทเอกชนขาย)
ถ้าการฟื้นฟูกิจการไม่ประสบผลสำเร็จ ศาลฯ อาจมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการ และเจ้าหนี้ของการบินไทย อาจร้องขอให้ศาลฯ มีคำสั่งให้การบินไทยล้มละลายก็ได้ โดยศาลฯ จะตั้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มาจัดการชำระบัญชี รวบรวมทรัพย์สินทั้งหมด แล้วนำมาเฉลี่ยชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ทุกคน ซึ่งในความเป็นจริงเจ้าหนี้จะได้รับชำระหนี้คืนน้อยกว่าจำนวนหนี้จริงเป็นอย่างมาก แต่วิธีนี้ก็ถือเป็นวิธีการสุดท้ายที่กฎหมายจะสามารถบังคับเอากับการบินไทยได้
จึงต้องติดตามกันอย่างไม่กะพริบตาว่า ครม.จะเคาะให้ “อุ้มหรือไม่อุ้มการบินไทย” ในเร็วๆ นี้