นายแฮร์รี โรก โฆษกประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า ชาวต่างชาติ และชาวฟิลิปปินส์ทุกคน ที่เดินทางเข้าประเทศต้องเข้ารับการทดสอบหาเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) และกักกันตัว เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค
เขาระบุว่า ผู้โดยสารขาเข้าทุกคน จะถูกตรวจหาเชื้อจากโพรงจมูก และคอ โดยผู้โดยสารจะถูกส่งตัวไปยังสถานกักกันตัวของรัฐบาล และโดนเฝ้าระวังอาการเป็นเวลาราว 2-5 วัน ขณะรอผลทดสอบ ซึ่งทุกคนจะไม่ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านจนกว่าผลทดสอบจะออกมาเป็นลบ
ผู้ที่มีผลทดสอบออกมาเป็นบวกจะถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาล หรือสถานพยาบาลชั่วคราวที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้น เพื่อรับการรักษาต่อไป แต่หากผลทดสอบออกมาเป็นลบ ผู้โดยสารจะได้รับการปล่อยตัวและอนุญาตให้เดินทางได้ตามปกติ
นายโรก กล่าวว่า รัฐบาลจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการกักกันตัวให้แก่แรงงานชาวฟิลิปปินส์ในต่างประเทศ ขณะที่ชาวฟิลิปปินส์ที่ไม่ได้ทำงานในต่างประเทศ และชาวต่างชาติ จะต้องรับผิดชอบค่าตรวจ และค่าพักอาศัยที่สถานกักกันตัวด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ประกาศคำสั่ง “ห้ามชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศชั่วคราว” ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม ยกเว้นคู่สมรสและบุตรชาวต่างชาติของชาวฟิลิปปินส์ รวมถึงเจ้าหน้าที่จากรัฐบาลต่างประเทศและองค์กรระหว่างประเทศ ที่ได้รับการรับรองจากฟิลิปปินส์เท่านั้น
ทั้งนี้ ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมระบบ (CSSE) ของมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ ประกาศสถิติเมื่อเวลา 12.30 น. ของวันนี้ (12 พ.ค.) ว่า ฟิลิปปินส์มีผู้ได้รับการยืนยันว่าติดโควิด-19 จำนวน 11,086 ราย โดยมีผู้เสียชีวิต 726 รายทั่วประเทศ
ที่มา : Xinhua Thai
- นักวิจัยชี้ ‘ขาดวิตามินดี’ ติด ‘โควิด-19’ เสี่ยงเจอโรคแทรกซ้อนถึงตาย
- ‘ศบค.’ หวั่นผ่อนปรนแล้วไวรัสระบาดรอบ 2 ฝากประชาชนร่วมมือทุกมาตรการ
- ทั่วโลกติดเชื้อ ‘โควิด-19’ เกิน 4.2 ล้าน ‘รัสเซีย’ เจอรายใหม่เกินหมื่นคน 9 วันติด ‘จีน’ ไร้คนตายต่อเนื่อง 26 วัน