Economics

ย่ำแย่! ปตท.ประกาศ รายได้ไตรมาส 1/63 ลดฮวบ 67,307 ล้าน กำไรลด 59.8%

ปตท.ประกาศรายได้ ไตรมาส 1 ปี 63 ลดฮวบ 67,307 ล้านบาท คิดเป็น 12.2%  ส่วนกำไรหาย 59.8% เหตุพิษโควิด-19 ส่งผลราคา-ปริมาณขายหด ขาดทุนสต็อก ถือคาถา “ลด ละ เลื่อน” ประคองตัว 

206511

วันนี้ (11 พฤษภาคม 2563) นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดไปทั่วโลกของไวรัสโควิด-19 ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลก ต้องหยุดชะงัก ประกอบกับกลุ่มผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตร ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการปรับลดกำลังการผลิตด้วย จนทำให้เกิดภาวะอุปทานล้นตลาด

ส่งผลให้ราคาน้ำมันลดลงจาก 67.3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในช่วงต้นไตรมาส 1 ปี 2563 มาอยู่ที่ 23.4 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในช่วงสิ้นไตรมาส 1 ปี 2563

ในกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี และ การกลั่น มีผลประกอบการลดลง จากการขาดทุนสต็อกน้ำมันอยู่ที่ 35,695 ล้านบาท ตามราคาน้ำมันดิบ ที่ปรับลดลงมากอย่างรวดเร็ว และจากส่วนต่างของราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ทั้งโอเลฟินส์ และอะโรเมติกส์ กับวัตถุดิบที่ลดลง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อธุรกิจพลังงาน

ทำให้ผลประกอบการโดยรวมของ ปตท. ในไตรมาสแรกของปี 2563 ที่ผ่านมา ปรับลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

“ปตท.เชื่อมั่นว่า จะสามารถรับมือช่วงสถานการณ์วิกฤต ด้วยการบริหารจัดการการทำธุรกิจให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ พร้อมปรับรูปแบบการดำเนินงานอย่างเหมาะสม” 

206512

สรุปผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2563 ปตท. และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 483,567 ล้านบาท ลดลง 67,307 ล้านบาท คิดเป็น12.2% เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานไตรมาสของ 1 ปี 2562 และมีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA ) อยู่ที่ 32,385 ล้านบาท ลดลง 59.8% จากไตรมาส 1 ปี 2562

“สาเหตุหลัก จากผลประกอบการ ที่ลดลงของกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี และการกลั่น ที่ได้รับผลกระทบสูง จากการขาดทุนสต็อกน้ำมัน ตามที่กล่าวข้างต้น” 

สำหรับกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ มีผลการดำเนินงานลดลง เป็นผลจากราคา และปริมาณการขายของโรงแยกก๊าซฯ และราคาขายที่อ้างอิงราคาน้ำมันเตา ในกลุ่มอุตสาหกรรมลดลง

ส่วนผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจน้ำมัน ก็ลดลงจากการขาดทุนของสต็อกน้ำมัน ที่เพิ่มขึ้นและปริมาณขายที่ลดลง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ของอุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลก ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดเมืองของหลายประเทศ ส่งผลต่อความต้องการใช้น้ำมันในการเดินทาง และการขนส่ง

แต่กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีและวิศวกรรม กลับมีปัจจัยเชิงบวก จากการเข้าซื้อบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) (GLOW) ของ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) รวมถึงธุรกิจสำรวจ และผลิตปิโตรเลียม เพิ่มขึ้นจากรายได้การขายที่เพิ่มขึ้นของบริษัท Murphy Oil Corporation และบริษัท Partex Holding B.V. ของ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)

นายชาญศิลป์ ระบุว่า แม้ปัจจัยภายนอก จะส่งผลให้ผลประกอบการ ปตท. ในช่วงไตรมาสแรกลดลง กลุ่ม ปตท. ยังเชื่อมั่นถึงศักยภาพความรวดเร็ว ขององค์กรในการปรับตัว เพื่อลดผลกระทบทั้งจากสถานการณ์โควิด-19 และสงครามราคาน้ำมัน

โดยมีมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายตามนโยบาย “ลด ละ เลื่อน” ในการบริหารจัดการการทำธุรกิจให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ การบริหารสภาพคล่องทางการเงิน บริหารความเสี่ยงด้านราคา ด้านอุปสงค์ อุปทาน สินค้าคงคลัง

รวมถึงบริหารจัดการค่าใช้จ่าย และงบประมาณองค์กรอย่างเคร่งครัด นอกจากนั้นยังได้ทำการทดสอบความสามารถการรับวิกฤติ และความท้าทายในรูปแบบต่างๆ (Stress Test) และ แผนการบรรเทาผลกระทบ (Mitigation Plans)

ขณะเดียวกันจัดตั้งทีม PTT Group Vital Center เพื่อวางแผน และบริหารจัดการภาพรวมของกลุ่ม รับมือช่วงสถานการณ์วิกฤติ พร้อมปรับรูปแบบการดำเนินงาน เพื่อให้กลุ่ม ปตท. สามารถเตรียมรับทุกสถานการณ์ในอนาคต

Avatar photo