ผู้เชี่ยวชาญคาด พิษเศรษฐกิจตกต่ำจากโควิด-19 อาจทำให้อัตราฆ่าตัวตายใน “ออสเตรเลีย” เพิ่มขึ้น 50% โดยเฉพาะวัยหนุ่มสาว
ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า อัตราการฆ่าตัวตายในประเทศออสเตรเลีย อาจเพิ่มขึ้นถึง 50% เนื่องจากผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดจากโรคโควิด-19 ส่งผลต่อสุขภาพจิตของประชาชน
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตของออสเตรเลียออกแถลงการณ์ร่วมเตือนว่า ผลกระทบของโรคโควิด-19 ต่อเศรษฐกิจและด้านอื่นๆ อาจส่งผลให้เกิดการฆ่าตัวตายทั่วประเทศเพิ่มขึ้น 1,500 ต่อปี หรือเพิ่มขึ้น 50% จากปัจจุบันที่มีผู้ฆ่าตัวตายราว 3,000 คนต่อปี
โดยประมาณ 30% ของกรณีการฆ่าตัวตายที่เพิ่มขึ้นนั้น เป็นคนหนุ่มสาวอายุระหว่าง 15-25 ปี และอาจเพิ่มจำนวนมากขึ้นหากเศรษฐกิจของออสเตรเลียยังคงถดถอยต่อไป
อัตราการเสียชีวิตดังกล่าวอาจสูงกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 โดยตรง และอาจดำรงภาวะเช่นนี้นานถึง 5 ปี หากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันตกต่ำนานกว่า 12 เดือน
“ผลกระทบของการว่างงาน จะส่งผลต่อคนหนุ่มสาวที่อาศัยอยู่ในชนบทและในภูมิภาครอบนอกของออสเตรเลียมากที่สุด และพื้นที่ที่มีการตกงานอย่างหนักจะไม่ฟื้นตัวในเวลาอันรวดเร็ว” ศาสตราจารย์เอียน ฮิกกี (Ian Hickie) ผู้อำนวยการร่วมของศูนย์สมองและความคิด (BMC) แห่งซิดนีย์ กล่าว
ฮิกกีและผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ เรียกร้องให้มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยทันที เพิ่มการลงทุนระยะยาว และสร้างแบบจำลองด้านสุขภาพจิต พร้อมทั้งช่วยให้ออสเตรเลียผ่านภาวะหัวเลี้ยวหัวต่อจากโรคระบาดครั้งนี้ไปให้ได้
- มหาวิทยาลัยในออสเตรเลีย เสี่ยงล้มละลายระนาว เซ่นพิษโควิด-19
- เร่งสังเคราะห์ ข้อมูล ‘ฆ่าตัวตาย’ ช่วงโควิด-19 ระบาด หาสาเหตุแท้จริง
- จี้ปลด โฆษกศบค. ไม่แยแสคนฆ่าตัวตาย เพราะพิษโควิด
