ศบค.เผย “บิ๊กตู่” กระตุ้นหน่วยงานราชการ-รัฐวิสาหกิจ WFH ให้ถึง 50% และเหลื่อมเวลาทำงาน ลดแออัด เข้าสู่วิถีใหม่ พร้อมวางเป้าตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้ถึง 4 แสนตัวอย่าง เจาะกลุ่มเสี่ยงรับเปิดเมือง เล็งปลดจีน-เกาหลี ออกจากประกาศฯ หลังสถานการณ์ดีขึ้น ย้ำผู้ติดเชื้อไทยลดลง เพราะ “ทีมไทยแลนด์” และประชาชนร่วมมือ
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของไทยดีขึ้น วันนี้ยังเป็นเลขตัวเดียว มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 3 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสม 2,992 ราย และไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยังคงมียอด 55 ราย
และสถานการณ์ รายจังหวัดก็ดีขึ้น โดยมีจังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อรอบ 28 วันเพิ่มเป็น 39 จังหวัด ส่วนจังหวัดที่มีรายงานผู้ป่วยรอบ 28 วัน 29 จังหวัด และยังคงมี 9 จังหวัดบวก 1 ที่ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อมาเลย
สำหรับการตรวจหาเชื้อนั้น ได้มีการหารือในศบค.ชุดใหญ่ โดยจะมุ่งไปที่การตรวจหาประชากรเสี่ยงให้มากที่สุด กรมควบคุมโรค มีเป้าหมายตรวจ 6,000 ตัวอย่าง ต่อ 1 ล้านประชากร หรือต้องตรวจสะสม 4 แสนตัวอย่าง ถือว่าเราตรวจในระดับกลางๆ ไม่มากแต่ก็ไม่น้อย ยกตัวอย่างสหรัฐ ตรวจหลักหมื่นราย
โดยเป้าหมาย 4 แสนตัวอย่าง ที่จะตรวจให้ถึงนั้น เราตรวจไปแล้วใกล้เคียง 2.3 แสนตัวอย่าง เหลือ 1.7 แสนตัวอย่าง แบ่งเป็นคนมีอาการเข้าเกณฑ์มาตรวจประมาณ 85,000 ราย และอีกเท่ากันไปที่กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ บุคลากรการแพทย์ ผู้ต้องขังแรกรับ และผู้ต้องกัก เช่น แรงงานผิดกฎหมาย รวมถึงอาชีพเสี่ยง เช่น พนักงานขับรถสาธารณะ พนักงานส่งของ แรงงานต่างด้าว ทั้งนี้เพื่อกวาดกลุ่มเสี่ยงมาเข้าสู่ระดับการรักษา ยืนยันว่าการตรวจแบบปูพรมไม่ได้ผล เราต้องใช้เงินอย่างถูกต้อง โดยที่ประชุมรับหลักการ และดำเนินการ
สำหรับการตรวจ 6 กิจการ หรือกิจกรรม ก็พบว่ามี 3,000 แห่งเศษ ที่ทำผิด โดยได้ตักเตือนไปแล้ว รวมถึงรถไฟฟ้าก็แจ้งไปแล้วเช่นกัน เรื่องที่มีปัญหา โดยให้มีการหยุดขายตั๋วช่วงผู้โดยสารแออัดมากๆ หากไม่มีรถไฟฟ้ามาทดแทนได้ และต้องจัดที่พักคอย ไม่ให้แออัดด้วย เพื่อเข้าสู่ชีวิตวิถีใหม่
นอกจากนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการลดการเดินทาง โดยให้หน่วยราชการ และรัฐวิสาหกิจ รายงานการทำงานที่บ้าน (Work From Home : WHF) รวมถึงการเหลื่อมเวลาการทำงานตามที่ครม.มีมติไปแล้ว
โดยครม.ให้ Work From Home ให้มากกว่า 50% และเหลื่อมเวลาทำงาน เรื่องนี้ที่ประชุมมอบให้นายวิษณุ เครืองาม ดูว่าเหลื่อมเวลาทำงานของหน่วยงานราชการ ให้มากขึ้น เพราะตอนนี้เหลื่อมเวลาเพียง 30 นาที
ทางด้านการรับคนไทยกลับจากต่างประเทศ แบ่งเป็น กลุ่มปราะบาง ได้แก่ คนป่วย คนตกค้างที่สนามบิน วีซ่าหมดอายุ นักท่องเที่ยวตกค้าง ที่จะกลํบมาไทยก่อน
กลุ่ม 2 กลุ่มด่วนมาก เป็นพระสงฆ์ ที่ไปปฏิบัติธรรมที่ต่างประเทศ นักเรียนนักศึกษา และคนตกงานจากการที่ประเทศต่างๆลดการจ้างงาน
นอกจากนี้ในที่ประชุมศบค.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า มีหลายประเทศควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้ คือ จีน และเกาหลีใต้ ที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นตัวเลขหลักหน่วย โดยเสนอให้ปรับ และถอนบางประเทศออกไป ประกาศกำหนดให้ท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เกิดการระบาด ของโรคติดต่อเชื้อโควิด 19 เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตรายตามพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 เพื่อให้มีความสัมพันธ์เชิงเศรษฐกิจ และสังคม ที่ดี เพราะกิจกรรมต่างๆต้องพึ่งการเดินทาง
อย่างไรก็ตามต้องไปตามขั้นตอน และยังต้องระวัง ไม่ใช้เข้าประเทศได้ทันที นอกจากนี้ที่ประชุมศบค.ยังเห็นว่าประเทศในอาซียนด้วยกัน ควรจะลงทุนด้านวัคซีนร่วมกัน หรือทำงานร่วมกันด้วย
“เรายังต้องเข้มงวดของระบบตรวจคนเข้าเมืองต่อไป เป็นเรื่องจำเป็น เพราะสาเหตุติดเชื้อมาจากการนำเข้าด้วยหากสถานการณ์การแพร่ระบาดยังไม่ดีพอ จะไม่ให้นำคนจากต่างประเทศเข้ามาแน่นอน”
ที่ประชุมยังให้ส่งเสริมการผลิตชุด PPE ในประเทศไทย และการรับรองมาตรฐานภายในประเทศ เพราะขณะนี้ทั่วโลกกำลังขาดแคลน
ส่วนเรื่องสถานประกอบการ ต้องการให้หลายๆกิจการสามารถเข้าถึง ซอฟท์โลน เช่น ธุรกิจอัญมณี รวมถึงเอกชนเสนอให้ทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐ ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ให้ลงไปถึงในระดับพื้นที่
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวตอนท้ายถึงการปลดล็อกมาตรการเฟส 2 ว่า หากสถานการณ์ดี เปิดระยะ 2 แน่นอน ทุกคนก็จะกลับสู่ภาวะปกติในการใช้ชึวิต ส่วนภาคธุรกิจก็เดินไปได้ แต่ต้องมีมาตรการที่ดี ซึ่งผู้ประกอบการต้องคิด และมีการรวมกลุ่ม เช่น สมาคมองค์กรต่าง ในการรวมกันจัดทำมาตรการต่างๆร่วมกัน
” หากอยากกลับไปเดินได้เหมือนเดิม ก็ต้องทำวันนี้ให้ดี แล้ววันที่ 17 พฤษภาคม ผู้ติดเชื้อรายใหม่ เป็นตัวเลขหลักเดียว การปลดล็อกเฟส 2 เกิด เราก็จะได้ไปสถานที่ ที่เราอยากไปได้อีกหลายที่ ”
ทั้งนี้ที่ผ่านมาจนมาถึงวันนี้ การทำงานของศบค. และภาพการทำงานในวงกว้าง ธุรกิจก็มาช่วยกัน มีคณะที่ปรึกษาด้านวิชาการ ที่มีความรู้ ความสามารถ มาประกอบกัน เรียกว่า ผ่านมาได้ด้วย “ทีมไทยแลนด์” ต้องภูมิใจในความเป็นไทย ที่เรามีคนเก่งกล้าสามารถหลายท่าน และทุกภาคส่วนล้วนมีความสำคัญ นายกรัฐมนตรี ขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือ แม้คนเก่งมีมาก แต่ความร่วมมือก็เกิดจากประชาชนด้วย
- อัพเดทสถานการณ์ ‘ไวรัสโควิด-19’ วันที่ 7 พฤษภาคม 2563
- ‘หมอทวีศิลป์’ คอนเฟิร์ม! หากสถานการณ์ดี ‘ห้าง’ กลับมาเปิดได้แน่ 17 พ.ค.
- คลังขยายเวลารับเรื่องร้องเรียนเยียวยา ‘เราไม่ทิ้งกัน’ ถึง 15 พ.ค.นี้
