ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ กุนซือแอตเลติโก มาดริด กลายเป็นโค้ชที่คว้าแชมป์มากสุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร หลังพาทัพ “ตราหมี” คว้าแชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ มาครอง ด้วยการพิชิต เรอัล มาดริด สโมสรคู่ปรับร่วมเมือง 4-2 (ต่อเวลาพิศษ)
เมื่อวันพุธที่ 15 สิงหาคม ที่ผ่านมา
เกมที่เอสโตเนีย ดิเอโก้ คอสต้า ยิงประตูเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 49 วินาที ให้แอต.มาดริดออกนำเร็วจากนั้นเรอัล มาดริดมาทวงคืนสองลูกรวดจาดกคาริม เบนเซม่า นาที27 และเซร์คิโอ รามอส ยิงจุดโทษนาที 63 แต่ดิเอโก้ คอสต้ามายิงตีเสมอ 2-2 ให้ตราหมีในนาที 79 ต้องต่อเวลาพิเศษและเป็น ซาอูล (98) และ โกเก้ (104) ช่วยกันซัดพาแอต.มาดริดคว้าแชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ ไปครอง
แชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพถือเป็นแชมป์ที่ 7 ของดีเอโก้ ซิเมโอเน่ในฐานะกุนซือ แอต. มาดริด แซงหน้า 6 แชมป์ของ หลุยส์ อาราโกนเญส ตำนานกุนซือผู้ล่วงลับ โดยความสำเร็จของ กุนซือชาวอาร์เจนไตน์วัย 48 ปี ประกอบไปด้วย แชมป์ลีก 1 สมัย
(2013/14), โกปา เดล เรย์ 1 สมัย (2012/13), ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า 1 สมัย (2014), ยูฟ่า ยูโรปา ลีก 2 สมัย (2011/12, 2017/18) และ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 2 สมัย (2012 และ 2018)
ขณะที่ จูเลน โลเปเตกี กุนซือใหม่ เรอัล มาดริด ถือเป็นโค้ช “ราชันชุดขาว” คนแรกนับตั้งแต่ปี 2007 (แบร์นด์ ชูสเตอร์) ที่ประเดิมคุมทีมนัดแรกด้วยการปราชัย และยังถือเป็นโค้ชคนแรกของสโมสรในรอบ 60 ปี (ต่อจาก ไมเคิ่ล คีปปิ้ง) ที่
คุมทีมนัดแรกและเสียถึง 4 ประตูหรือมากกว่า