อาจเป็นเพราะควันหลง ศึกในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ดูเหมือนปะทุขึ้นอยู่เนืองๆ ยังไม่จางหายเสียทีเดียว ศึกนี้บอกได้เลยยังอีกยาวนาน จนกว่าจะเกิดการเปลี่ยนผ่านกรรมการบริหารพรรค และอาจจะลากไปบรรจบที่การปรับคณะรัฐมนตรี ส่วนจะเกิดขึ้นช่วงเวลาไหนยังต้องรอ ที่สำคัญ ไม่ใช่เวลานี้ นาทีนี้ยังคงเป็นเรื่องการแก้ปัญหาและการจัดการการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ให้สิ้นซากเสียก่อน
แต่ปัญหาระอุภายในพรรคพลังประชารัฐ มันยังคงคุกรุ่นอยู่ต่อเนื่องเพราะศึกนี้ยังอีกยาวนาน ปัญหามาคุในพรรคพลังประชารัฐ ไม่ใช่เพิ่งเกิด แต่เป็นปัญหาหมักหมม จะเรียกว่าเรื้อรังก็ไม่ผิดอะไร เพราะความไม่ลงรอยของ “2 ผู้เฒ่า” ที่ ซดเกาเหลาชามโต กันมายาวนาน มิหนำซ้ำมาวันนี้เริ่มแบ่งขั้วอำนาจชัดเจนขึ้นทุกขณะ ระหว่าง “2 ผู้เฒ่า” จึงไม่แปลกใจว่าทำไมพรรคพปชร.ถึงมีหลายมุ้งหลายขั้วเกิดขึ้น
เกมที่กำลังเกิดขึ้นในพรรคพลังประชารัฐ เป็นเกมวัดพลังอำนาจ ของแต่ละกลุ่มมากกว่า งานนี้อาจต้องพิสูจน์กันที่ความเก๋าเกมการเมือง ว่าฝั่งไหนจะเดินเกมได้ลุ่มลึกกว่ากัน หากจะใช้แต่พลังอำนาจเงิน อาจจะไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องเสมอ เป็นได้แค่การสร้างฐานอำนาจชั่วคราวเท่านั้น เพราะเมื่อไหร่ที่อีกฝั่งใช้เกมเดียวกัน พลังส.ส.ก็ย้ายข้างทันที แบบตีเนียนรับ 2 ทาง เรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจมาแล้ว
แต่ที่ทำให้ผู้คนตะลึง!! กับสิ่งที่ปรากฎนั่นก็คือภาพการเข้าพบ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ของ 2 กุมาร อย่าง อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะเลขาธิการพรรค เด็กในคาถาของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เมื่อสองวันก่อน
การเข้าพบ“บิ๊กตู่” ครั้งนี้ มีเพียงคน 3 คนเท่านั้นที่รู้ดีว่า พูดคุยอะไรกันบ้าง ให้กำลังใจการทำงานกันหรือไม่อย่างไร แต่จากการให้สัมภาษณ์ของ อุตตม สาวนายน บอกชัดเจนว่า “นายกฯได้พูดคุยมีทั้งเรื่องการทำงานและเรื่องการเมือง นายกฯได้ให้กำลังใจและชี้แนะว่า เรื่องของพรรคน่าจะเรียบร้อยได้ด้วยการพูดคุยหารือกัน ตนและสนธิรัตน์ จะทำตามนั้น นายกฯยังระบุด้วยว่า งานที่ทำอยู่ในขณะนี้ ให้ทำต่อไป ใครทำด้านไหนอยู่ก็ทำด้านนั้นต่อไป เวลานี้เป็นเวลาทำงาน ไม่อยากให้มีเรื่องอื่นเข้ามาแทรก” ยิ่งฟังคำให้สัมภาษณ์ของ สนธิรัตน์ ยิ่งทำให้ดูมีน้ำหนักมากขึ้น ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งใดๆ ในช่วงนี้
ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น ยังเป็นคำถามอยู่ในใจเกิดอะไรขึ้นทำไม “บิ๊กตู่” ถึงต้องเรียก 2 กุมาร เข้าพบ หรือ 2 กุมารขอเข้าพบเอง!
แต่สิ่งที่ปรากฎหลังเข้าพบ “บิ๊กตู่” น้ำหนักถูกเทไปทาง“ถูกเรียกเข้าพบ” หากเป็นจริงดูมีค่า มีราคาขึ้นมาทีเดียว
แต่หากเกิดบนสมมติฐานที่ว่า “2 กุมารขอเข้าพบเอง” นั่นอาจจะเป็นเพราะสถานการณ์ตอนนี้ เกิดความไม่มั่นคง อาจจะบ่งชี้ไปถึงฐานความมั่นคงต่อเก้าอี้หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค และอาจจะสั่นคลอนไปถึงเก้าอี้รัฐมนตรีก็เป็นได้ หลังจากเปิดศึกชิงเก้าอี้ดนตรีกรรมการบริหารพรรคขึ้น ต้องยอมรับวันนี้คลื่นลมภายในพรรคพลังประชารัฐยังไม่นิ่ง ยังไม่สงบ เพียงแค่รอวันเวลาที่จะปะทุขึ้นมาอีกก็เท่านั้น
