งาน “เซ็นทรัล/เซน อินเตอร์เนชั่นแนล วอทช์ แฟร์ 2018” (Central/ZEN International Watch Fair 2018) มหกรรมนาฬิกาแห่งเอเชียประจำปี จัดต่อเนื่องมา 20 ปี ปีนี้จัดที่ ดิ อีเวนต์ฮอลล์ ชั้น 3 ห้างเซ็นทรัลชิดลม ระหว่างวันที่ 21 สิงหาคม- 17 กันยายน 2561 และแผนกนาฬิกา ห้างเซ็นทรัลทุกสาขาและเซน รวม 22 สาขา ถึงวันที่ 30 กันยายนนี้
ถือเป็นมหกรรมรวมนาฬิกาจากแบรนด์ดังระดับโลกและแบรนด์เอ็กซ์คลูซีฟ นำคอลเลกชั่นใหม่ล่าสุด หรือลิมิเตด เอดิชั่น ส่งตรงจากงานแสดงนาฬิการะดับโลก บาเซิลเวิลด์ (Baselworld) และงานเอสไอเอชเอช (SIHH – The Salon International de la Haute Horlogerie) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มาจัดแสดงที่เซ็นทรัลชิดลมกว่า 180 แบรนด์ มูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท
สำหรับเทรนด์นาฬิกาปีนี้ จากงาน บาเซิลเวิลด์ และ เอสไอเอชเอช มี 4 เทรนด์หลัก คือ คลาสสิก วินเทจ, สมาร์ท ฟังก์ชันนอล วอทช์, คอมพลิเคเต็ด เลดี้ วอทช์ และคลาสสิก คอมพลิเคชั่น ซึ่งนาฬิกาหรูแบรนด์ดังระดับโลกนำไฮไลต์แต่ละเทรนด์ มาร่วมแสดงและจำหน่ายในงานเซ็นทรัล/เซน อินเตอร์เนชั่นแนล วอทช์ แฟร์ 2018
คลาสสิก วินเทจ (Classic Vintage)
ดีไซน์และสีสันคลาสสิกของนาฬิกาแห่งยุคสมัยยังคงเสน่ห์จนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะนาฬิกาจากยุค 50s-60s นำมาสร้างสรรค์ใหม่อีกครั้ง รูปทรงสอดรับกับข้อมือและรสนิยมของหนุ่มสาวปัจจุบัน ขณะเดียวกันแบรนด์นาฬิกาที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน ต่างก็นำดีไซน์อันเป็นตำนาน กลับมาสร้างสรรค์ใหม่อีกครั้ง ให้โฉบเฉี่ยวและสืบทอดซีรีส์รุ่นคลาสสิกให้เป็นที่รู้จักในทุกเจนเนอเรชั่น
เทรนด์นี้ไฮไลต์ในงาน คือ แบรนด์หรู มงต์บลองค์ (MONTBLANC) รุ่น1858 Chronograph Tachymeter Limited Edition 100 ราคา 1,126,500 บาท มี 100 เรือนทั่วโลกและมาจำหน่ายที่ประเทศไทย 1 เรือนเท่านั้น
สมาร์ท ฟังก์ชันนอล วอทช์ (Smart Functional Watch)
แบรนด์นาฬิกาต่างหันมาสร้างสรรค์ผลงานที่ตรงกับความพึงพอใจของเหล่ามิลเลนเนียล จึงเกิดความท้าทายในการออกแบบในบริบทที่ทันสมัยและแปลกใหม่ อย่างสมาร์ทวอทช์ หรือนาฬิกาที่ออกแบบให้มีลูกเล่นและดีไซน์ให้เป็นมากกว่านาฬิกา จนกลายเป็นอีกหนึ่งในเครื่องประดับของคนรุ่นใหม่ที่เสริมสร้างบุคลิกของผู้สวมใส่ ขณะที่แบรนด์นาฬิกาหน้าใหม่ที่โดนใจมิลเลนเนียล ก็มีเพิ่มมากขึ้นทุกที ส่วนแบรนด์ยักษ์ใหญ่ต่างหันมาออกแบบนาฬิกาที่ง่ายต่อการสวมใส่
เทรนด์นี้แบรนด์ CITIZEN(ซิติเซ็น) นำมาแสดงในงาน รุ่น Eco-Drive Bluetooth สายหนัง จำหน่ายในราคาเรือนละ 22,850 บาท สายสแตนเลส จำหน่ายในราคาเรือนละ 24,800 บาท
ภายใต้คอลเลคชั่น “Eco-Drive” หนึ่งในตำนานนาฬิกาที่มีชื่อเสียงยาวนานกว่า 42 ปี โดยครั้งนี้นาฬิกาแบบเข็มดั้งเดิมที่รวมคุณสมบัติของการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านแอพพลิเคชั่นของซิติเซ็นด้วยสัญญาณBluetooth โดยมีตัวกลางรับคลื่นวิทยุ ซึ่งนาฬิกา Bluetooth ทุกรุ่นของซิติเซ็นเป็นระบบ Eco-Drive เปลี่ยนแสงเป็นพลังงานโดยไม่จำเป็นต้องใช้สายชาร์จ และเมื่อชาร์จพลังงานเต็มที่แล้ว นาฬิกานี้จะสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 4 ปี (เมื่อใช้พลังงานในโหมดประหยัด)
คลาสสิก คอมพลิเคชั่น (Classic Complication)
แบรนด์นาฬิกาชั้นนำต่างนำเสนองานฝีมือของช่างนาฬิกา ที่สร้างสรรค์กลไกสุดซับซ้อนจนกลายเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของแบรนด์นั้นๆ แล้วอวดความวิจิตรของศิลปะแห่งกลไกเวลา ด้วยการเปลือยฝาหลังให้เห็นการทำงานและความสวยงามของจักรกล กลายเป็นเสน่ห์อย่างสำคัญประการหนึ่งของการออกแบบนาฬิกาจักรกลโดยช่างผู้ชำนาญ
สำหรับเทรนด์นี้ FRANCK MULLER (แฟรงค์ มุลเลอร์) นำรุ่น Vanguard Gravity full diamond ราคา 7,552,000 บาท มาจำหน่ายที่ประเทศไทยภายในเพียง 1 เรือน
เครื่องระบบกลไกทูร์บิญองขนาดใหญ่กว่าครึ่งหนึ่งของหน้าปัดนาฬิการุ่น Vanguard Gravity จาก Franck Muller นั้นถือเป็นการตอกย้ำความมหัศจรรย์ของกลไกทูร์บิญอง แต่ถึงอย่างไรก็ตามคนรักนาฬิกาพอจะทราบกันดีว่าฟังชั่นทูร์บิญองนั้นนอกจากสมดุลยภาพของความเที่ยงตรง แล้วยังมีไว้เพื่อความสุนทรีย์อีกด้วย Vanguard Gravity จึงมาพร้อมกับทูร์บิญองบริดจ์ขนาด 21 มม. เพื่อความสวยงามและดึงดูดสายตาให้มาจดจ้องที่หน้าปัด นอกจากนี้ยังมีความพิเศษด้วยกลไกอินเฮาส์อันเที่ยงตรงสามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 5 วัน
คอมพลิเคเต็ด เลดี้ วอทช์ (Complicated Lady Watch)
เทรนด์นาฬิกาหวนกลับไปหาดีไซน์หน้าปัดที่มีขนาดเล็กลง ทำให้นาฬิกาของผู้หญิงดูนุ่มนวล สะท้อนความเป็นกุลสตรีมากยิ่งขึ้นและมาพร้อมการตกแต่งประดับประดาที่ซับซ้อนไม่ต่างจากจิลเวลรี่วอทช์เรือนสุดหรูบนข้อมือ ขณะที่นาฬิกาของผู้ชายก็เรือนเล็กลงเช่นกัน เพื่อความคล่องตัวในการ สวมใส่มากขึ้นนั่นเอง
เทรนด์นี้แบรนด์ FABERGE (ฟาแบร์เฌ่) นำรุ่น Summer in Provence ราคา 17,950,000 บาท มาจำหน่ายที่ประเทศไทยภายในงานเพียง 1 เรือนเท่านั้น
นาฬิกา ฟาแบร์เฌ รุ่น ซัมเมอร์ อิน โพรวองซ์ ออกแบบให้คล้ายกับพวงมาลัยดอกไม้ในสายลมที่อบอุ่นจากฤดูร้อน ในภูมิภาค โพรวองซ์ ของประเทศฝรั่งเศส มารังสรรค์เป็นเรือนเวลาประดับอัญมณีที่งดงามสะดุดตา ด้วยทักษะซับซ้อนและความอ่อนช้อยของอัญมณีที่ถูกขวางเปรียบเหมือนหินที่อยู่ในสวนดอกไม้ / นาฬิกา
ซัมเมอร์ อิน โพรวองซ์ เคยติดอันดับต้น ๆ ของนาฬิกาประเภทเครื่องประดับอัญมณีในการประกวดนาฬิการะดับสูงกรังด์ปรีซ์แห่งกรุงเจนีวา (GPHG) ตัวเรือนขนาด 37 มม. ทำจาก ทองคำขาวประดับอัญมณี และเพชร 967 เม็ด นํ้าหนัก 14.24 กะรัต
