World News

นักลงทุนทิ้งหุ้น ‘สายการบิน’ กังวลขัดแย้งรอบใหม่ ‘จีน-สหรัฐ’ ฉุด ‘ดาวโจนส์’ ร่วง

ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (4 พ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ดัชนีดาวโจนส์ และเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวลงมา ท่ามกลางความวิตกถึงความขัดแย้งรอบใหม่ระหว่างจีน กับสหรัฐ ที่มีสาเหตุมาจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 และขาลงของหุ้นกลุ่มสายการบิน หลัง “วอร์เรน บัฟเฟตต์” ประกาศว่า บริษัทของเขาได้เทขายหุ้น 4 สายการบินรายใหญ่สุดของสหรัฐทั้งหมดแล้ว

st1

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 23,507.09 จุด ร่วงลง 216.60 จุด หรือ 0.91% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 2,816.85 จุด ลดลง 13.86 จุด หรือ 0.49% และดัชนีแนสแด็กที่ 8,638.75 จุด ขยับขึ้น 33.81 จุด หรือ 0.39%

นักลงทุนพากันกังวลว่าความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนอาจกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังมีรายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน เพื่อตอบโต้จีน จากกรณีการรับมือกับการแพร่ระบาด

นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกถึงการกลับมาระบาดรอบใหม่ ของเชื้อไวรัสโควิด-19 จากการที่รัฐต่างๆ เริ่มทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุม และป้องกัน อนุญาตให้ธุรกิจต่าง ๆ ค่อยๆ กลับมาดำเนินการกันใหม่ ทำให้มีผู้คนออกจากที่พักกันมากขึ้น แม้ว่าสหรัฐจะยังพบผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิตรายใหม่ เพิ่มขึ้นในระดับสูงทุกวัน

ราคาหุ้นเดลต้า แอร์ ไลนส์ อเมริกัน แอร์ไลนส์ โค เซาท์เวสต์ แอร์ไลนส์ โค และยูไนเต็ด แอร์ไลนส์ ร่วงลงราว 6.7-8.4% หลังจากที่นายบัฟเฟตต์ เปิดเผยว่า ได้ขายทิ้งหุ้นสายการบินเหล่านี้หมดแล้ว และบอกว่า โลกเปลี่ยนไปแล้วสำหรับอุตสาหกรรมสายการบิน

การประกาศของมหาเศรษฐีนักลงทุนรายนี้ ยังทำให้ราคาหุ้นของผู้ผลิตเครื่องบินอย่าง โบอิง โค ร่วงลงมากกว่า 1.9% และทำให้ดัชนีย่อยกลุ่มสายการบิน ในดัชนีเอสแอนด์พี 500 ดิ่งลง 5.1%

ตลาดยังตกอยู้ใต้แรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ โดยสหรัฐเผยข้อมูลคำสั่งซื้อใหม่สำหรับสินค้าที่ผลิตในประเทศ เมื่อเดือนมีนาคม ร่วงลงมากกว่าที่คาดการณ์กันไว้ และมีแนวโน้มที่จะร่วงลงไปอีก จากวิกฤติสุขภาพที่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้ซัพพลายเชน และการส่งออกหยุดชะงักลง

Avatar photo