คมนาคมเสนอครม.วันนี้ กู้เงิน 7 หมื่นล้าน โปะการบินไทยฉุดพ้นวิกฤติการเงินชั่วคราว คาดมาจากแบงก์ออมสิน พร้อมขออนุมัติแผนฟื้นฟูการบินไทย ดันตั้ง”โฮลดิ้ง” คลอด 5 บริษัทลูกเร่งหาพันธมิตรร่วมทุน สร้างรายได้แต่ละบริษัท กำหนดรายได้ขายตั๋วจาก Online สูงกว่า offline เกิน 50% ต้องลดพนักงาน 3 ปี 5,867คน ใช้งบ 8,850 ล้านบาท เฉพาะปีนี้ต้องเลิกจ้าง 1,523 คน
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันนี้ (5 พ.ค.) กระทรวงคมนาคมจะเสนอแผนฟื้นฟูธุรกิจปี 2563-2567 ของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ให้ที่ประชุมพิจารณา แผนฟื้นฟูดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(คนร.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานมาแล้ว
ในการประชุมครม.วันนี้ นอกจากเสนอแผนฟื้นฟูการบินไทยแล้ว ที่ประชุมจะพิจารณาถึงแผนการกู้เงินจำนวน 70,000 ล้านบาท ให้กับการบินไทย เพื่อเสริมสภาพคล่องโดยกระทรวงการคลัง ค้ำประกันเงินกู้ พร้อมขอความเห็นชอบผ่อนปรนเงื่อนไขการค้ำประกันเงินกู้ของรัฐวิสาหกิจ ปกติแล้วการที่กระทรวงการคลังจะค้ำประกันเงินกู้ได้ รัฐวิสาหกินนั้นๆจะต้องไม่ขาดทุนติดต่อกัน 3 ปี แต่การบินไทยขาดทุนเกิน 3 ปีแล้ว
ส่วนแหล่งเงินทุนที่จะขอกู้ในเบื้องต้นน่าจะเป็นเงินจากธนาคารออมสิน เนื่องจากเป็นธนาคารของรัฐด้วยกัน โดยจะใช้วิธีทยอยเบิกจ่ายออกมา เพื่อให้การบินไทยนำมาใช้จ่ายทั้งในส่วนของการชำระค่าเครื่องบิน เงินเดือนพนักงาน รวมทั้งค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ ในระหว่างที่แผนฟื้นฟูการบินไทยยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ
แหล่งข่าว กล่าวว่ายังเสนอแผนการจัดตั้งโฮลดิ้ง ขึ้นมา ตามที่คณะทำงานของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลัง ได้ดำเนินการมาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูการบินไทย โดยภายใต้โฮลดิ้งที่ตั้งขึ้นมาจะมีบริษัทที่อยู่ภายในโฮลดิ้งจะมี 5 บริษัท ประกอบกด้วย
1. บริษัท ฝ่ายครัวการบิน (Catering Department)
2. บริษัท บริการภาคพื้น (Ground Service)
3. บริษัท คลังสินค้า (CARGO)
4. บริษัท ฝ่ายช่าง (Technical)
5. บริษัท ไทยสมายล์ แอร์เวย์ จำกัด (Thai Smile) ในส่วนของการบินไทยเป็นเพียง”โฮลดิ้ง”เท่านั้น
การบินไทยเป็นเพียง”โฮลดิ้ง”เท่านั้นหลังจากตั้ง 5 บริษัทลูกขึ้นมา
การเสนอตั้งโฮลดิ้ง ถือเป็นเรื่องสำคัญที่อยู่ภายใต้แผนฟื้นฟูของการบินไทย โดยระหว่างนี้การดำเนินการภายใต้แผนฟื้นฟู ยังต้องใช้เวลาดำเนินการ ทั้งกระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลัง มองว่าต้องหาเงินกู้ให้การบินไทยดำเนินการไปก่อน แต่หากแผนฟื้นฟูสำเร็จโดยเฉพาะในส่วนของการตั้งบริษัทลูกขึ้นมาและหาผู้ร่วมทุนเข้ามาได้ในแต่ละบริษัทได้ จะทำให้มีรายได้เข้ามาทันที
ในส่วนของสายการบินไทยสมายล์ จะทำหน้าที่ให้บริการเส้นทางบินไปก่อน ระหว่างที่การบินไทยดำเนินการไปภายใต้แผนฟื้นฟู ส่วนเส้นทางการบินระหว่างประเทศการบินไทยน่าจะเปิดทำการบินได้ประมาณปลายปีนี้ เมื่อถึงตอนนั้นแผนฟื้นฟูการบินไทยน่าจะดำเนินการไปได้แล้วระดับหนึ่ง
แหล่งข่าว กล่าวว่าในส่วนของการบินไทยตามแผนฟื้นฟู ได้กำหนด 6 กลยุทธ์ ในการดำเนินการประกอบด้วย
1. กลยุทธ์การปรับปรุงเครือข่ายเส้นทางบิน (Network Strategy)
2. กลยุทธ์การปรับปรุงแผนฝูงบิน (Fleet Strategy)
3. กลยุทธ์ด้านการพาณิชย์ (Commercial Strategy)
4. กลยุทธ์การปรับปรุงการปฎิบัติการและต้นทุน (Operation & Cost Strategy)
5. กลยุทธ์การปรับปรุงโครงสร้างองค์กร (Organization Strategy)
6. กลยุทธ์การจัดการกลุ่มธุรกิจของบริษัท (Portfolio Strategy)
- เจาะลึกแผนฟื้นฟูการบินไทย!! 3 ปี เลิกจ้าง 5,867 คน – ดีเดย์ปีนี้ 1,523 คน ปูทางลดขนาดองค์กร
- วัดใจคนร.! ปลดแอกการบินไทยพ้นรัฐวิสาหกิจ – ‘ไทยสมายล์’ สวมบททำการบินแทนเบ็ดเสร็จ
- เซอร์ไพรส์! อนาคตการบินไทย ภายใต้แผนฟื้นฟู -แกร่งเทียบเท่าเอกชน
ทั้งนี้ตามแผนฟื้นฟูการบินไทยระบุว่าในส่วนของ การลดขนาดองค์กร (Downsizing) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนและการดำเนินงาน โดยปรับลดขนาดฝูงบิน ลดแบบเครื่องบิน เครื่องยนต์ ปรับลดเส้นทางบิน เหลือเฉพาะที่ทำกำไร หรือที่มี demand สูง ปรับโครงสร้างองค์กรให้กระชับ การบังคับบัญชารวดเร็ว มีประสทิธิภาพ ปรับลดค่าใช้จ่ายด้านพนักงานให้สอดคล้องกับกำลังการผลิต โดยเทียบเคียงกับอุตสาหกรรมเดียวกัน
การปฎิรูปองค์กร (Transformation) ปรับกระบวนการด้านรายได้บัตรโดยสาร (ปรับโครงสร้างราคา ช่องทางการจำหน่าย รายได้ขนส่งสินค้าและรายได้สนับสนุนอื่น
รูปแบบการดำเนินธุรกิจ
การสร้างความสามารถในการทำกำไร (Profitability) การปรับกระบวนการด้านรายได้ จะต้องมีรายได้ช่องทางการจำหน่ายบัตรโดยสารให้มีสัดส่วน Online ต่อ offline มากกว่า 50% รายได้นอกเหนือจากรายได้บัตรโดยสารเพิ่มจาก 20% เป็น 35-40% อัตราเติบโดตรายได้เสริมเป็น 6.7% ของรายได้จากการดำเนินงาน
ผลจากการปรับโครงสร้างและกำลังการผลิต จะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการพนักงานอย่างมีนับสำคัญตามกำลังการผลิต ลดแบบเครื่องบินจาก 6 แบบ 7 ชนิดเครื่องยนต์
นอกจากนี้ ภายใต้แผนฟื้นฟูการบินไทย ยังกำหนดกลยุทธ์การปรับปรุงเครือข่ายเส้นทางบิน (Network Strategy) กลยุทธ์การปรับปรุงแผนฝูงบิน (Fleet Strategy) กลยุทธ์ด้านการพาณิชย์ (Commercial Strategy) กลยุทธ์การปรับปรุงการปฎิบัติการและต้นทุน (Operations & Cost Strategy) กลยุทธ์การปรับปรุงโครงสร้างองค์กร (Organization Strategy) การจัดการกลุ่มธุรกิจของบริษัท (Portfolio Strategy)
ในส่วนของการปรับจำนวนพนักงาน ตามแผนฟื้นฟู การบินไทยเสนอว่า จะทบทวนอัตรากำลังคนเพื่อให้สอดคล้องกับการบริหารประสิทธิภาพต้นทุน และกำลังการผลิตจากจำนวนบุคคลากร ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 จำนวน 21,332 คน โดยพิจารณาจากเกณฑ์ในการปรับลดค่าใช้จ่ายด้านพนักงานดังนี้
ปรับจำนวนพนักงานให้สอดคล้องกับจำนวนฝูงบินที่ลดลงและเปรียบเทียบ Productivity กับสายการบินชั้นนำ โดยวิธีการปรัลลด
1. ลดจำนวนพนักงานด้วยความสมัครใจ ตามเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด
2. ลดจำนวนพนักงานด้วยเกณฑ์ที่สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการปฎิบัติงานของพนักงาน
3. วิเคราะห์อัตรากำลังที่เหมาะสม ภายหลังปรับลดฝูงบินและโครงสร้างองค์กร โดยลดจำนวนพนักงานและรับพนักงานใหม่ทดแทนในสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อให้มีบุคลากรรุ่นใหม่ ที่มีศักยภาพ ได้กำหนดเวลาดำเนินการส่วนนี้ให้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 4 ปี 2563
การบินไทย ได้กำหนดการใช้งบประมาณ 8,850 ล้านบาท เพื่อลดพนักงานในประเทศไทย จำนวน 5,867 คน ภายใน 3 ปี เป็นค่าใช้จ่ายปี 2563 จำนวน 2,549 ล้านบาท (พนักงานในไทย 1,369 คน และต่างประเทศ 154 คน)
เพื่อให้โครงสร้างเงินเดือน ค่าตอบแทน สิทธิประโยชน์เป็นไป ตามมาตรฐานอุตสาหกรรมประเภทเดียวกัน และจูงใจให้พนักงานปฎิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ได้รับค่าตอบแทนที่สอดคล้อง Productivity และ Perfomanc โดยการปรับสิทธิประโยชน์ผลตอบแทนดังนี้
- ให้พนักงานที่มีรายได้ทั้งหมดรับภาระภาษีเงินได้เอง
- ทบทวนเกณฑ์และวิธีการคำนวณจ่ายค่าล่วงเวลา (Overtime)
- ทบทวนเกณฑ์และอัตรค่ายานพาหนะ/ค่าพาหนะเหมาจ่าย
- ทบทวนสิทธิบัตรผู้โดยสารพนักงานโดยเทียบเคียงกับสายการบินอื่น
- กำหนดหลักเกณฑ์และอัตราเงินประจำตำแหน่ง
- ทบทวนวันหยุดนักขัตฤกษ์ วันหยุดพักผ่อนประจำปีและการสะสม
- ทบทวนประเภทและอัตราเงินเพิ่มพิเศษต่างๆ อาทิ License และอื่นๆ
- ทบทวนสิทธิประโยชน์สำหรับพนักงานที่ปฎิบัติหน้าที่ประจำต่างประเทศ (Expatriate Staff )
- ทบทวนสิทธิประโยชน์พนักงานเกษียณอายุ
โดยในส่วนนี้การบินไทยได้กำหนดเวลาแล้วเสร็จ เพื่อนำเสนอขั้นตอนการดำเนินการต่อฝ่ายบริหาร และคณะกรรมการการบินไทยภายในเดือนพฤศจิกายน 2563 โดยงบประมาณที่ใช้เพื่อจูงใจให้พนักงานยอมเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง มารับภาระภาษีเงินได้เองประมาณ 2,480 ล้านบาท การบินไทยยังได้ว่าจ้างที่ปรึกษาดำเนินการเป็นค่าใช้จ่ายประมาณ 50-130 ล้านบาท