อีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ จากการแพรรระบาดของ COVID-19 คงหนีไม่พ้นกลุ่มโรงแรมไม่ว่าจะเป็นรายเล็ก กลาง ใหญ่ จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่หายไป และยังไม่รู้ว่าจะกลับมาเป็นปกติได้เมื่อไหร่
นั่นเพราะโรงแรม อิงกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ เมื่ออัตราการเข้าพักมีโอกาสลดลง ราคาห้องพักก็จะต้องลดลงตามด้วย ขณะที่ต้นทุนธุรกิจโรงแรมคงที่ จึงมีผลต่อกำไรสุทธิของบริษัท
หนักกว่านั้นก็คือ ปกติช่วงไตรมาสแรกของปี มักจะเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวในไทย ที่โรงแรมหลายแห่งเตรียมโกยรายได้ แต่ปีนี้กลับเปลี่ยนไปอย่างน่าเศร้า
เมื่อรายได้หายไป แต่ต้นทุนยังต้องหมุนอยู่ สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องเลือกทำก็คือการลดต้นทุนที่ทำได้ เช่น ลดเงินเดือนพนักงาน หยุดจ้างบ้างส่วน หรือหากสายป่านไม่ยาวพอ ก็อาจจะตัดสินใจปิดกิจการไปก่อนเลย
COVID-19 กระทบหุ้นโรงแรมยังไงบ้าง
ทั้งนี้ เมื่อสำรวจธุรกิจโรงแรมในไทย จะพบว่ามีอยู่ 6 หุ้นโรงแรมขนาดใหญ่ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ได้แก่
1. CENTEL : บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน)
โรงแรมในเครือ เช่น เซ็นทารา แกรนด์, เซ็นทารา รีเซิร์ฟ, เซ็นทาราบูติก คอลเลกชัน, เซ็นทรา บาย เซ็นทารา, โคซี่ เป็นต้น
2. AWC : บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน)
โรงแรมในเครือ เช่น เลอ เมอริเดียน, ดิ โอกุระ, แบงค็อก แมริออท, ดับเบิ้ลทรี บาย ฮิลตัน เป็นต้น
3. MINT : บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)
โรงแรมในเครือ เช่น อนันตรา, อวานี, เอ็นเอช โฮเทลส์, แมริออท, โฟร์ซีซั่นส์ เป็นต้น
4. ERW : บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
โรงแรมในเครือ เช่น แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ, เจดับบลิว แมริออท, เมอร์เคียว, ฮ็อป อินน์, ฮอลิเดย์ อินน์ เป็นต้น
5. SHR : บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน)
โรงแรมในเครือ เช่น สันติบุรี, พีพี ไอส์แลนด์, เอาท์ริกเกอร์ เป็นต้น
6. DTC : บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน)
โรงแรมในเครือ เช่น ดุสิตธานี, ดุสิตเดวาราณา, ดุสิตดีทู, ดุสิต ปริ๊นเซส เป็นต้น
แล้วหุ้นกลุ่มนี้จะได้รับผลกระทบแค่ไหน ทั้งนี้ เมื่อลงอสำรวจข้อมูลคาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวจากบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ พบว่า ในเดือนมีนาคมที่มีการ Lockdown กรุงเทพฯ ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวหายไป 38% จากปีก่อน ซึ่งส่งผลต่ออัตราการเข้าพักโรงแรม (Occupancy Rate) ที่หายไปอย่างชัดเจน โดยคาดว่าจะทำว่า RevPAR ของหุ้นโรงแรมลดลง 30 – 40% ทีเดียว
RevPAR หรือ Revenue Per Available Room คือ รายได้ต่อห้องพักทั้งหมด คำนวณจากอัตราการเข้าพักเฉลี่ย (Occupancy Rate) คูณด้วย ราคาห้องพักเฉลี่ย (Average Daily Rate) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสถานะทางการเงินของธุรกิจโรงแรมในช่วงนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ดี แนวโน้มระยะยาว คงต้องติดตามกันว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสทั่วโลกจะเริ่มคลี่คลายเมื่อไหร รวมถึงมาตรการผ่อนปรนให้สายการบินกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง แต่ก็คงต้องใช้เวลาค่อยๆ ฟื้นตัวทีละนิด
สำรวจเงินสดในมือ 6 หุ้นโรงแรม
สำหรับอนาคตต่อจากนี้ ปัจจัยที่ต้องจับตามองมากที่สุดคงเป็นเรื่องการห้ามนักท่องเที่ยวเดินทางออกนอกประเทศว่าจะยืดเยื้ออีกนานแค่ไหน ซึ่งถ้ายิ่งนานใครที่มีสายป่านสั้นกว่าก็ยิ่งลำบาก เพราะฉะนั้น ลองมาสำรวจเงินสดในมือกันว่า 6 หุ้นโรงแรมดังกล่าว ตอนนี้ใครกำเงินสดไว้มากน้อยเท่าไหร่
สุดท้ายคงต้องได้แค่เอาใจช่วยให้ผู้ประกอบสามารถผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ เพราะไม่มีใครรู้ว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติเมื่อไหร่ ซึ่งก็ได้แต่หวังว่าการทยอยปิดกิจการของธุรกิจโรงแรมจะเป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น ไม่ใช่การล้มหายไปอย่างถาวร