กลุ่มผู้เข้าร่วมประมูลโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ส่วนที่ 1 งานก่อสร้างทางทะเล วงเงิน 21,979 ล้านบาท ทั้งไทยและต่างชาติ ทำหนังสือร้องนายกฯ ขอความเป็นธรรมขยายเวลายื่นข้อเสนอและเสนอราคาใหม่ หลังมี”ผู้ใหญ่บางคน”สั่งห้ามขยายเวลา ทั้งที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 กรมบัญชีกลาง แจ้งยกเว้นปฎิบัติตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ 2560 ได้ จากปัญหาโควิด-19
ผลกระทบจากกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 แพร่ระบาด ถือเป็นเหตุสุดวิสัยตามมาตรา 102 วรรคหนึ่ง(2) โดยเหตุสุดวิสัยให้เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 8 ที่บัญญัติว่า“เหตุสุดวิสัย หมายความว่าเหตุใดๆ อันจะเกิดขึ้นก็ดี จะให้ผลพิบัติก้ดี เป็นเหตุที่ไม่อาจป้องกันได้แม้ทั้งบุคคลผู้ต้องประสบหรือใกล้จะต้องประสบเหตุนั้นจะได้จัดการระมัดระวังตามสมควรอันพึงคาดหมายได้จากบุคคลในฐานะและภาวะเช่นนั้น”
เหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อการยื่นงานประมูลของภาคเอกชนผู้สนใจเข้าร่วมทั้งเอกชนไทยและต่างชาติ ในโครงการ ก่อสร้างการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ส่วนที่ 1 งานก่อสร้างทางทะเล วงเงินก่อสร้าง 21,979 ล้านบาท ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย(กทท.) เกี่ยวกับการยื่นข้อเสนอ และเสนอราคาทางระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยวิธีการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ในวันที่ 7 พฤษภาคมนี้ ระหว่างเวลา 8.30-16.30 น.
แหล่งข่าว จากผู้เข้าร่วมประมูลโครงการดังกล่าว กล่าวว่ายระยะเวลาที่กำหนดไว้ผู้เข้าร่วมประมูล 4-5 กลุ่มทั้งคนไทยและต่างชาติ มองว่าไม่สามารถดำเนินการในส่วนของเอกชนเข้าประมูลได้ครบถ้วน เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเกิดปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้การติดต่อประสานงานกับสถานทูตไทยในประเทศต่างๆ ที่ผู้เข้าร่วมประมูลไม่สะดวก ประกอบกับการจัดเตรียมเอกสารของต่างชาติต้องผ่านการรับรองจากสถานทูต ซึ่งการเข้าร่วมประมูลโครงการดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นการจับมือร่วมกันระหว่างพันธมิตรคนไทยกับต่างชาติ เมื่อเกิดปัญหาความไม่สะดวก จึงได้ทำหนังสือถึงกระทรวงคมนาคมและกทท. เพื่อขอเลื่อนการยื่นข้อเสนอ และเสนอราคาออกไปสัก 2 เดือน
“หลายบริษัทได้ยื่นข้อเสนอไปแต่ยังไม่ได้รับการพิจารณา จากกระทรวงคมนาคม แต่จากประกาศของกรมบัญชีกลาง ระบุว่าหากสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัยจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 น่าจะพิจารณาทบวนได้ กทท.ก็น่าจะขยายเวลาได้ในฐานะเจ้าของโครงการ แต่กลับมีผู้ใหญ่บางคน ห้ามไม่ให้กทท.ขยายเวลา ทางกลุ่มผู้เข้าร่วมประมูลจึงได้ทำหนังสือขอความเป็นธรรมต่อนายกรัฐมนตรีแล้ว” แหล่งข่าว กล่าว
ขณะที่นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข อธิบดีกรมบัญชีกลาง ปฎิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการวินิจฉัย ได้ลงนามถึงปลัดกระทรวง อธิบดี อธิการบดี เลขาธิการ ผู้อำนวยการ ผู้บัญชาการ ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าการ หัวหน้ารัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารท้องถิ่น และหัวหน้าหน่วยงานอื่นๆของรัฐ เรื่องซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินการในช่วงเวลา ที่ได้รับผลกระทบจากกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19
โดยระบุว่าคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ได้ซ้อมความเข้าใจการบริหารสัญญากรณีการจ้างเหมาบริการเพื่อดูงาน อบรมหลักสูตร ประชุมจัดงาน ทั้งในและต่างประเทศ ประกอบสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ปัจจุบันมีการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วย ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร และหลายพื้นที่มีการประกาศงดการออกนอกเคหสถาน และการเดินทางเข้า-ออกในพื้นที่ ซึ่งอาจส่งผลให้หน่วยงานของรัฐไม่สามารถดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560
คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พิจารณาแล้วเห็นว่าเพื่อให้หน่วยงานของรัฐมีการปฎิบัติเป็นไปในแนวทางเดียวกัน จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 29 วรรคหนึ่ง (3) แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ซ้อมความเข้าใจการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐกรณีต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 และ ยกเว้นการปฎิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ภายใต้ข้อกำหนดที่ออกมา ได้มีการระบุให้เลื่อนระยะเวลาการตรวจรับพัสดุออกไปก่อน จนกว่าคณะกรรมการตรวจรับพัสดุจะสามารถดำเนินการตรวรับพัสดุนั้นๆได้