หลายปีก่อนคนเล่นเรือยอชท์ (yacht) ในไทยยังมีจำนวนไม่มากนัก และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มต่างชาติ แต่ปัจจุบันธุรกิจนี้เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น มีคนไทยหันมาลงทุนเรือยอชท์สำหรับการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
ส่งผลให้ ท่าจอดเรือยอชท์ ในไทยได้รับความสนใจ และเป็นอีกธุรกิจที่สร้างความคึกคักให้ทำเล นาจอมเทียน กลายเป็นแหล่งจอดเรือยอชท์ขนาดใหญ่ที่สุดในไทย แซงหน้าภูเก็ตที่มีกระจายอยู่ 3-4 แห่ง ขึ้นมาเป็นท่าเทียบเรือยอชท์แถวหน้าระดับอาเซียน
ณพงศ์ ปริพนธ์พจนพิสุทธิ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทเจ้าของและผู้บริหารท่าเรือ “โอเชี่ยนมารีน่า ยอช์ท คลับ พัทยา” กล่าวกับ The Bangkok Insight ถึงธุรกิจเรือยอชท์ในไทยว่า กำลังได้รับความสนใจจากผู้เล่นเรือเพิ่มขึ้น มีคนไทยหันมาซื้อเรือยอชท์ เพื่อลงทุนปล่อยเช่ามากขึ้น
จากเดิมที่มีเฉพาะนักเล่นเรือชาวต่างชาติ ที่ส่วนใหญ่มาล่องเรือเที่ยวทะเลในไทย และจอดเรือพักท่าระยะสั้น แต่ปัจจุบันมีผู้ลงทุนเรือยอชท์ในไทยและจอดเรือประจำท่าระยะยาวมากขึ้น
ปัจจุบันท่าเรือ “โอเชี่ยน มารีน่า ยอช์ท คลับ พัทยา” มีพอร์ตให้จอดเรือยอช์ทได้ 380 ลำ โดยเรือที่มาจอดท่าแห่งนี้มีด้วยกันหลายขนาดตั้งแต่ 30-40 ฟุตไปจนถึง 150 ฟุต โดยเรือยอชท์ลำที่แพงสุดที่จอดอยู่ท่าโอเชี่ยน มารีน่า เป็น ซูเปอร์ยอชท์ขนาด 150 ฟุตมูลค่า 700 ล้านบาท ให้บริการเช่ารายวันอยู่ที่ 7 แสนบาท/วัน คือเรือ “โอเชี่ยนเอ็มเมอรัลด์”
แต่เรือส่วนใหญ่มีขนาด 40-50 ฟุต รองรับผู้โดยสารต่อลำได้ 35-40 คน โอเชี่ยน มารีน่า มีเรือขนาด 30-40 ฟุต ให้บริการเช่าอยู่ 5 ลำด้วยกัน และมีจุดแข็งด้วยบริการอู่ซ่อมเรือในพื้นที่ รองรับความต้องการแบบครบวงจร
ท่าจอดเรือยอชท์ยังคงได้รับความสนใจ และมีผู้เล่นเรือต้องการเช่าจอดเรือจำนวนมาก ทำให้ ล่าสุดโอเชี่ยน มารีน่า วางแผนขยายท่าจอดเรือเพิ่มเติมอีก 60 ลำ หรือ 15% โดยการขยายจุดจอดภายในบริเวณท่าเรือเดิม ซึ่งกว้าง 250 x 600 เมตร หรือประมาณ 93 ไร่ ยื่นลงไปในทะเล เป็นการขยายต่อเนื่องมาเป็นครั้งที่ 3 สะท้อนว่าธุรกิจท่าเรือยอชท์เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง
“ธุรกิจท่าเรือยอชท์เติบโตต่อเนื่อง 15% ทุกปี ความนิยมเล่นเรือยอชท์ในกลุ่มคนไทยเพิ่มขึ้น จากเดิมสัดส่วนคนเล่นเรือเป็นต่างชาติ 80% ล่าสุดปรับมาเป็นต่างชาติ 60% คนไทย 40% ” ณพงศ์ กล่าวและว่ากลุ่มลูกค้าต่างชาติ ส่วนใหญ่เป็นยุโรป และจีน
ผู้ใช้บริการเรือยอชท์ ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว มีจำนวนเพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีเรือขนาดเล็กที่ให้เช่าระดับราคา 2,00-3,000 บาท/ต่อวันให้บริการมากขึ้น และเรือขนาดใหญ่ราคาแพงที่เป็นซูเปอร์ยอชท์ ก็มีความต้องการเช่าเพิ่มขึ้น ธุรกิจเรือยอชท์เติบโตมาอย่างต่อเนื่องตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมา
“การเกิดขึ้นของอีอีซี คาดจะส่งผลให้ธุรกิจเรือยอชท์ที่พัทยาได้รับอานิสงส์ จากฐานลูกค้าที่กว้างขึ้นตามการลงทุนของอุตสาหกรรมที่จะเข้ามาใหม่” ณพงศ์ ย้ำและว่า อีอีซีจะเป็นโอกาสใหม่ของหลายธุรกิจในภาคตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรม ท่องเที่ยว การค้า สถานบริการต่างๆ รวมถึงโรงแรม และท่าเรือยอชท์
อีอีซีจะเป็นโอกาสใหม่ของหลายธุรกิจในภาคตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นท่องเที่ยว การค้า สถานบริการต่างๆ
ธุรกิจเรือยอชท์ที่เติบโตต่อเนื่อง ทำให้งานโชว์เรือที่จัดขึ้นในแต่ละปี ได้รับความสนใจจากผู้ให้บริการเรือยอช์ท บริษัทต่อเรือ และธุรกิจต่อเนื่องจากการซ่อมแซมเรือ เข้ามาร่วมงานมากขึ้นทุกปี
โดยปีนี้งาน“โอเชี่ยน มารีน่า พัทยา โบ๊ท โชว์ 2018” ซึ่งเป็นงานแสดงเรือยอชท์นานาชาติระดับเอเชีย ปีนี้จัดเป็นปีที่ 7 มีการโชว์เรือยอชท์ชั้นนำระดับโลก และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการเล่นเรือต่างๆ อย่างคึกคัก
ปีนี้งานโอเชี่ยน มารีน่า โบ๊ท โชว์ฯ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน –2 ธันวาคม 2561 ที่โอเชี่ยน มารีน่า ยอช์ท คลับ พัทยา คาดว่าจะกระตุ้นธุรกิจ และตลาดท่องเที่ยวทางทะเล ตอบรับความนิยมล่องเรือยอชท์ที่เติบโตสูงขึ้น และคาดว่างานโบ๊ทโชว์ปีนี้จะสร้างเม็ดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท
งานโอเชี่ยน มารีน่า พัทยา โบ๊ท โชว์ เติบโตมาตลอด 6 ปี ด้วยจำนวนของเรือ และสินค้าแบรนด์ต่างๆ ที่มาแสดงเพิ่มขึ้นทุกปี และจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมงานในปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 23% จากปีก่อนหน้า โดยงานโบ๊ท โชว์ฯ ในปีที่ผ่านมา มีผู้มาเยี่ยมชมงานกว่า 6,000 คน จากกว่า 22 ประเทศทั่วโลก
งานนี้นอกจากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐแล้ว ผู้จัดงาน ยังได้ทำแคมเปญการตลาด ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ในการดึงกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง (High-net-worth individual: HNWIs) ทั่วเอเชียมาร่วมงาน และในปีนี้ก็เช่นเดียวกัน คาดว่าการจัดงานโอเชี่ยน มารีน่า พัทยา โบ๊ท โชว์ 2018 จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
ปี 2560 พัทยามีจำนวนนักท่องเที่ยวมากกว่า 14 ล้านคน คาดว่านักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นอีก จากการเพิ่มขึ้นของเที่ยวบินและการขยายสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง-พัทยา ตลอดจนแผนพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกของภาครัฐที่อยู่ระหว่างดำเนินการ
นอกจากนี้ ยังมีบริการเรือเฟอร์รี่จากพัทยาไปหัวหิน โดยเฉพาะ “โครงการไทยแลนด์ริเวียร์ร่า” ที่จะเชื่อมการท่องเที่ยวไปถึงเพชรบุรีและระนอง เชื่อว่าจะสร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคตะวันออก ในฐานะเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของธุรกิจและการท่องเที่ยวของภูมิภาค!!