PR News

เปิดเทคนิค 7 กูรูสู่การสร้างบล็อกคุณภาพ

blogger boot camp
Blogger boot camp

เป็นบทสรุปที่ได้จากโครงการ Blogger’s Bootcamp by CP All ปีที่ 2 “บล็อกกาภิวัตน์ อย่าให้อนาคต Disrupt เรา” ที่ได้ 7 วิทยากรผู้มากประสบการณ์มาร่วมให้ความรู้ โดยถึงตอนนี้ โครงการดังกล่าวได้จบลงแล้ว แต่บทเรียนที่สรุปออกมานั้นน่าสนใจอย่างมาก โดยเราขอชวนไปติดตามวิทยากรแต่ละท่านกันดังนี้

คำแนะนำที่ 1 – ขจร เจียรนัยพานิช จาก MangoZero

“Facebook จะยังคงลด Reach ลงอย่างต่อเนื่อง โดยวิธีแก้ปัญหาทางหนึ่งก็คือ ให้ลองขยายช่องทางไปใช้ Twitter ซึ่งปีที่แล้วก็มียอดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นทั้งในไทยและทั่วโลก หรือ LINE เองก็เป็นช่องทางทำคอนเทนต์อีกทางที่น่าสนใจ ช่วยดึงคนให้เกิดความสนใจเพิ่มมากขึ้น ส่วน YouTube ก็เป็นอีกช่องทางที่ทำรายได้สำหรับกลุ่มบล็อกเกอร์ด้วยเช่นเดียวกัน แต่ถ้าหากยังไม่สามารถขยายไปช่องทางอื่นนอกจาก Facebook ควรทดลองการสร้าง Facebook Group เพราะยังไม่ลด Reach มากนักอีกทั้งยังสามารถสร้าง Community ให้เพจได้ด้วยอีกด้วย การเลือกทำคอนเทนต์ที่มีประโยชน์ต่อผู้อ่าน ถือเป็นสิ่งสำคัญที่บล็อกเกอร์จำเป็นต้องยึดไว้”

คำแนะนำที่ 2 – ท้อฟฟี่ ชญาน์ทัต วงศ์มณี

“ สำหรับบล็อกเกอร์ หรือคนทำคอนเทนต์นั้น ควรจะเริ่มลองหันมามองว่าคอนเทนต์ของเราทำให้เกิดอะไรได้บ้าง อยู่ในขั้นของการให้ข้อมูล หรือเหนือขึ้นไปอย่างวิเคราะห์และคาดเดาอนาคต เขย่าความคิดของคน เชื่อมโยงคนเข้าด้วยกัน ทำให้คนบรรลุจุดมุ่งหมายของเขาได้ หรือไปถึงจุดสูงสุดอย่างการสร้างแรงบันดาลใจให้คนใช้ชีวิตที่ดีขึ้น ยิ่งทำได้ในระดับที่สูงขึ้น ก็ยิ่งดีต่อตัวเราและคนอื่นๆ ซึ่งในท้ายสุดแล้ว Asset (สินทรัพย์) ที่สำคัญที่สุดของคนทำคอนเทนต์คือ “ความน่าเชื่อถือ” เมื่อไรที่เราหวั่นไหวกับเงิน คนอ่านก็จะเสียความเชื่อมั่นในตัวเราได้ง่าย วงการนี้มันโหด เพราะสิ่งล่อใจมันเยอะ เมื่อไหร่ที่เราให้เงินมาอยู่เหนือคุณค่าตัวเอง ทุกอย่างก็จะ “จบ”

คำแนะนำที่ 3 – เนม ธีรนัย สิทธิจำลอง

“ในปัจจุบันการมีบล็อกเพียงช่องทางเดียวนั้นอาจจะไม่เพียงพอ เพราะการมีหลายช่องทางคือการช่วยกระจายความเสี่ยง แต่ไม่ใช่ว่าทุกสายจะต้องมีทุกช่องทาง เพราะบางช่องทางเองก็อาจจะจำเป็นต่อบางสาย แต่ไม่จำเป็นสำหรับบางสาย โดยสามารถประยุกต์แนวการวิเคราะห์แบบเป็ด หรือ DUCK โดยแบ่งออกเป็น 4 ข้อด้วยกัน ได้แก่

D : Define Target Audience กลุ่มเป้าหมายของเราเป็นใคร ถ้าจะสื่อสารกับเขาควรไปลงช่องทางไหน เพราะทุกวันนี้ Facebook ก็ลด Reach ลงเรื่อยๆ
U : Useful คอนเทนต์ที่ดีต้องมีประโยชน์และสร้างคุณค่าได้ อาจช่วยแก้ปัญหา สร้างแรงบันดาลใจ สร้างความสนุก หรือรวดเร็ว ควรจะมีคีย์เวิร์ดที่ดีเพื่อให้คนค้นหามาเจอได้ง่ายขึ้น
C : Consistency ทำอย่างไรให้ต่อเนื่อง นอกจากนี้ต้องมีการวัดผลที่ชัดเจนได้ด้วย
K : Keep Feedback พยายามเรียนรู้จากความล้มเหลว

คำแนะนำที่ 4 – นภพัฒน์จักษ์ อัตตนนท์

“เนื่องจากสื่อโทรทัศน์กับออนไลน์มีความแตกต่างกันหลายอย่าง เมื่อวันที่โลกออนไลน์เข้ามาก็ต้องมีการปรับตัวหลายๆ อย่างไม่ให้ถูก Disrupt ซึ่งเอาจริงๆ แล้วทุกวันนี้ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่พร้อมจะเข้ามา Disrupt ตลอดเวลา การปรับตัวจากโทรทัศน์สู่ออนไลน์ อย่างแรกคือ Conversational หรือภาษาที่ใช้ เพราะเมื่อก่อนทีวีคือแหล่งที่รวบรวมสิ่งที่เป็นที่ยอมรับในสังคม คนจะมองว่าเป็นที่ที่เป็นทางการ แต่ในยุคที่มือถือเป็นที่รวบรวมของทุกอย่าง ภาษาที่ใช้ก็จะเปลี่ยนไป แต่ละช่องทางเองก็มีภาษาที่ต่างกันอีก”

คำแนะนำที่ 5 – อรวี สมิทธิผล

“บล็อกเกอร์ส่วนมากนั้น สามารถทำคอนเทนต์ได้ดี เพียงแต่ไม่เคยดู Stats บางคนดูแต่ไม่เคยวิเคราะห์ว่าจะทำให้ดีขึ้นอย่างไร จึงมีเคล็ดลับ 5 ข้อมาช่วยในการในการดูและวิเคราะห์ Stat ให้ลองปรับใช้คือ

1) อย่าดูเฉพาะ Metrics ที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า : Stats ที่ Facebook วัดได้นั้นมันลึกกว่าที่เราเห็นโชว์อยู่ เราสามารถ Export ออกมาเป็นไฟล์ Excel ได้ ซึ่งสามารถใช้ Tools ของ Excel อย่าง Pivot Table ช่วยให้เราวิเคราะห์ต่อได้
2) เลือกวัด Performance หลายๆ ประเภทที่เหมาะกับตัวเอง : เพราะบล็อกแต่ละบล็อกไม่เหมือนกัน ควรดูว่าตัวเองเป็นบล็อกสไตล์ไหน และควรใช้ Metrics อะไรในการวัด ยอดแชร์อาจสำคัญสำหรับบางเพจ บล็อกที่เน้นเทคนิกไปเลย ไม่ได้เข้าถึงคนทั่วไปมาก อาจจะไม่ต้องสนใจค่าแชร์เลยด้วยซ้ำ
3) อย่าลืมความสำคัญของข้อมูลเชิงคุณภาพ : ไม่ใช่แค่ยอดตัวเลข แต่ลองหาวิธีวัดความคิดเห็นของผู้ติดตามของเราด้วย จริงๆ แล้วถ้าเรามีช่องทางให้เขา Feedback หลายๆ คนก็ยินดีที่จะบอกเราเหมือนกัน
4) นอกจาก Internal Data ให้ศึกษา External Data ด้วย : มี Tools หลายอย่างที่ช่วยให้เราได้ข้อมูลที่เป็นเทรนด์ เป็นกระแส หรือดูภาพรวมของบล็อกใกล้เคียง หรือคนที่น่าสนใจด้วย เช่น Google Trends, Google Keyword Planner, Social.gg, Likealyzer, Buzzumo ฯลฯ
5) เปลี่ยน Data ให้เป็น Knowledge และ Action : Data หรือข้อมูลที่มีจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยถ้าเราไม่เอามาวิเคราะห์และนำไปใช้งาน เพราะฉะนั้นจงใช้ประโยชน์จากข้อมูลให้มากที่สุด”

คำแนะนำที่ 6 – นเรศ ติยะวัฒน์วิทย์ และศรัณย์​ แบ่งกุศลจิต

สำหรับในช่วงการบรรยายสุดท้ายของโครงการฯ ในปีที่ 2 นี้ นเรศ ติยะวัฒน์วิทย์​ จาก Rainmaker และศรัณย์​ แบ่งกุศลจิต จากสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย ได้สรุปปิดท้ายในหัวข้อ “บูสต์หรือไม่บูสต์ยังไงดี? จ่ายตังค์ทั้งทีอย่าเสียไปเปล่าๆ” โดยได้มีการแชร์เทคนิคในการบูสต์โพสต์ทั้ง 5 ข้อไว้ดังนี้

  • ควรรู้ว่าคอนเทนต์ที่ทำ ใครจะเป็นคนอ่าน เพื่อบูสได้ตรง Target
  • คอนเทนต์ที่ไปได้ดีแบบ Organic อาจจะลองบูสต์ เพราะพิสูจน์มาแล้วว่ามีคนอยากอ่านเยอะ
  • ติดตามข่าวสารการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบต่างๆ จาก Facebook อยู่เสมอ
  • เราต้องเข้าใจคนที่ติดตามเราอยู่ให้มากที่สุด เขาเป็นคนแบบไหน เขาชอบอะไรและไม่ชอบอะไร
  • จงอย่าเสียดายเงินที่บูสต์โพสต์ เพราะเราเสียเงิน เสียเวลาทำคอนเทนต์มาเยอะแล้ว ควรวางอัตราส่วนในการบูสต์โพสต์ ต่อส่วนของคอนเทนต์ที่เราทำ

 

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight