Digital Economy

ปรับราคาสินค้าทุก 10 นาที เบื้องหลังการใช้บิ๊กดาต้าของ “อเมซอน”

amazon logo
ภาพจากเอเอฟพี

สำหรับใครที่สนใจเทคนิคช้อปปิ้งออนไลน์ อเมซอน แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่มีอีกหนึ่งเทคนิคที่ใช้ได้ผล นั่นคือมีการเปลี่ยนราคาสินค้าทุก ๆ 10 นาที ซึ่งเป็นไปได้ว่า ในแต่ละวัน บริษัทมีการเปลี่ยนราคาสินค้ามากกว่า 2.5 ล้านครั้งเลยทีเดียว

สำหรับธุรกิจอื่น ๆ การเปลี่ยนราคาสินค้าบ่อยขนาดนี้อาจหมายถึงหายนะ แต่สำหรับอเมซอน นี่คืออีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้อเมซอนกลายเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ สาเหตุที่อเมซอนทำเช่นนี้ มาจากการใช้บิ๊กดาต้าวิเคราะห์ข้อมูลการช้อปปิ้งของผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม ร่วมกับการเปรียบเทียบราคาสินค้าของคู่แข่ง สัดส่วนกำไร จำนวนสินค้าคงคลัง และอีกหลายต่อหลายปัจจัยเพื่อให้ราคาสินค้าบนแพลตฟอร์มนั้น ตอบสนอง หรือตรงต่อความต้องการของผู้ซื้อในเวลานั้นมากที่สุด

ยกตัวอย่างการปรับราคาที่เคยเกิดขึ้นตามการรายงานของ BusinessInsider เช่น อเมซอนเคยปรับราคาของสินค้าชนิดพิเศษ (Uncommon Products) บางตัวให้สูงขึ้น พร้อมกันนั้น ก็ปรับราคาสินค้าทั่วไป (Common Products) ให้ถูกลง จากนั้น ก็ปล่อยให้ผู้บริโภคเข้ามาจับจ่ายได้ตามใจ

ด้วยเหตุนี้ หากราคาสินค้าที่แสดง ณ เวลาที่เราเข้าไปเยี่ยมชมยังไม่โดนใจ บางที รออีก 10 นาที คุณอาจพบราคาสินค้าใหม่ปรากฏขึ้นมาแทนก็ได้

ทั้งนี้ การเปลี่ยนราคาสินค้าทุก ๆ 10 นาทีนี้ ทำให้ในแต่ละวัน อเมซอนต้องเปลี่ยนราคาสินค้าประมาณ 2.5 ล้านครั้ง ซึ่งบ่อยกว่าค่ายวอลมาร์ท และเบสต์บายถึง 50 เท่า (วอลมาร์ท และเบสต์บายเปลี่ยนราคาสินค้าวันละ 50,000 ครั้ง)

หากถามว่าฐานข้อมูลที่อเมซอนนำมาใช้ในการคำนวณนั้นมากเพียงใด ก็ต้องบอกว่า อเมซอนมีสินค้า 1.5 พันล้านไอเท็ม และมีผู้ใช้งาน 200 ล้านคน คิดเป็นข้อมูลรวมกัน 1 พันล้านกิกะไบต์ หากนำมาใส่ในฮาร์ดดิสก์ขนาด 500 กิกะไบต์ แล้ววางเรียงกัน ก็จะเท่ากับเทือกเขาเอเวอร์เรสต์ต่อกัน 8 ลูก และข้อมูลเหล่านี้ หรือที่เรียกว่าบิ๊กดาต้านี่เองที่เป็นตัวทำกำไรให้กับแพลตฟอร์มจนซีอีโออย่างเจฟฟ์ เบซอส กลายเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกไปในที่สุด

บิ๊กดาต้าทำรายได้ให้กับอเมซอนอย่างไร บิ๊กดาต้าถูกนำมาช่วยในการคาดการณ์การซื้อของลูกค้า โดยอิงจากแพทเทิร์นการซื้อที่ผ่านมา ยกตัวอย่างเช่น ฐานข้อมูลของอเมซอนพบว่าลูกค้ามักซื้อเนยถั่ว เยลลี่ และขนมปังพร้อมกัน ดังนั้น หากระบบพบว่า คุณซื้อเนยถั่ว และขนมปังไปแล้ว ด้วยแพทเทิร์นการซื้อดังกล่าว เป็นไปได้ที่คุณจะซื้อเยลลี่ในอนาคตอันใกล้

เมื่อระบบของอเมซอนคาดการณ์ว่าจะมีการซื้อบางอย่างเกิดขึ้น มันจะส่งไอเท็มนั้น ๆ ไปรอในโกดังสินค้าที่ใกล้กับบ้านของผู้ซื้อรายนั้นมากที่สุด และเมื่อคำสั่งซื้อเกิดขึ้น สินค้าก็จะถูกลงไปยังลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และมีต้นทุนที่ต่ำมาก จึงไม่แปลกหากบิ๊กดาต้าจะถูกเรียกว่าเป็นขุมทรัพย์ใหม่ของธุรกิจในปัจจุบัน

ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าแปลกใจว่า ด้วยบิ๊กดาต้าดังกล่าว อเมซอนจะสามารถเปลี่ยนราคาสินค้าได้วันละ 2.5 ล้านครั้งสบาย ๆ นั่นเอง

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Business Insider

Avatar photo