COVID-19

ย้ำต้องมี 3 ปัจจัย รองรับผ่อนคลายมาตรการ เหตุผู้ติดเชื้อกลุ่มใหญ่ 20-29 ปี มักไม่แสดงอาการ เดินปะปนในชุมชน

ศบค.ย้ำต้องมี 3 ปัจจัย ยารักษา-วัคซีน-พฤติกรรมใหม่ จึงผ่อนคลายมาตรการ เหตุผู้ติดเชื้อกลุ่มใหญ่อายุ 20-29 ปี เป็น “วัยทำงาน” มักไม่แสดงอาการ เดินปะปนในชุมชน ระบุตัวเลขผู้ป่วยเหลือ “ศูนย์”ต้องใช้เวลานาน 

report01 01 9

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันที่ 26 เมษายน พบผู้ป่วยรายใหม่ 15 ราย ยอดผู้ป่วยสะสม 2,922 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ยอดผู้ป่วย คงที่ 51 ราย

26 Map NewCase 01

ผู้ป่วยรายใหม่ 15 รายวันนี้ อยู่ในกรุงเทพ 7 ราย ภูเก็ต 4 ราย ยะลา 2 ราย ชลบุรี จากการกักตัวใน State Quarantine 1 ราย นครปฐม 1 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยกรุงเทพ สะสมเป็น 1,481 ราย ภูเก็ต 205 ราย นนทบุรี 156 ราย สมุทรปราการ 111 ราย ยะลา 108 ราย ส่วนผู้ป่วยต่อแสนประชากรสูงสุด ยังเป็นภูเก็ต 49.59 กรุงเทพ 26.24 ยะลา 21.71 ปัตตานี 12.61 นนทบุรี 12.42 ราย

26 Map increase02 01

26 Map increase 01

ทั้งนี้จะพบมีจังหวัดในกลุ่มที่มีรายงานผู้ป่วยในรอบ 14-28 วัน มากขึ้นเป็น 37 จังหวัด ที่เพิ่มในวันนี้ คือ สมุทรสาคร ส่วนจังหวัดสีแดง หรือ มีรายงานผู้ป่วยรอบ 7 วัน จำนวน 14 จังหวัด จังหวัดสีส้ม หรือ ที่มีรายงานผู้ป่วยช่วง 7-14 วัน 6 จังหวัด และจังหวัดไม่มีรายงานผู้ป่วยช่วง 28 วัน จำนวน 11 และจังหวัดสีเขียว ที่ไม่มีรายงานผู้ป่วย 10 จังหวัด

26 Map Non infection02 01

กลุ่มผู้ป่วยมากที่สุด อยู่ในช่วงอายุ 20-29 ปี รวมจำนวนผู้ป่วย 699 ราย อายุเฉลี่ย 39 ปี ผู้ป่วยอายุน้อยที่สุด 1 เดือน มากที่สุด 97 ปี จำนวนผู้ป่วยเพศชาย มากกว่าเพศหญิง

สำหรับ New Norm หรือ ชีวิตวิถีใหม่ นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่า เข้าใจว่าทุกคนอยากกลับไปวิถีปกติ แต่เรากลับไปที่ปกติไม่ได้ เราต้องเข้าใจสภาวการณ์ของโรค ที่เกิดในช่วง 3-4 เดือนที่่ผ่านมา จะพบว่าโรคนี้ติดต่อทางเดินหายใจ แพร่กระจายจากน้ำมูกน้ำลาย คนส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อก็ คือ วัยทำงาน และไม่มีอาการ แสดงว่าเราไม่รู้ใครติดเชื้อบ้าง และเขาเหล่านี้เดินอยู่ตรงไหนบ้าง

report02 01 10

หากใช้ชีวิตปกติ จะมีโอกาสติดเชื้อจากคนเหล่านี้ได้ และโรคก็จะแพร่ระบาดระลอกใหม่ แม้วันนี้เราจะเจอผู้ป่วยหลักสิบ หรือ หลักหน่วย แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะคุมให้ตัวเลขเหลือ “ศูนย์” ได้ในระยะเวลาอันใกล้  หากเป็น “ศูนย์” ก็ต้องเป็นศูนย์ระยะเวลานาน และเป็นประเทศเดียวไม่ได้ด้วย ต้องเป็น “ศูนย์” ทั้งโลก จึงจะมั่นใจได้จริง เพราะแม้เราคุมตัวเลขได้ดี แต่รอบบ้านเรา เชื้อในอากาศยังเต็มไปหมด

หากเราเดินทางไปเที่ยวซื้อของเหมือนเดิม โรคมีโอกาสกลับมาระบาดได้ใหม่ แปลว่าที่เราลงทุนไปหลายเดือน แถบไม่ได้ช่วยอะไร กลายเป็น “ศูนย์” ในทันทีทันใด

ทั้งนี้การจะกลับไปสู่ภาวะปกติ ได้ มี 3 ปัจจัย คือ

1. ต้องมียารักษา ไม่ใช่แค่ยาต้านไวรัสอย่าง ที่เราใช้ทุกวันนี้ ที่ไม่ทำให้โรคกำเริบเท่านั้น แต่ต้องเป็นยาที่รักษาหายด้วย

2. มีวัคซีน ทำให้การแพร่ระบาดของโรคจบได้ ข้อมูลล่าสุด ต้องรอต้นปีหน้า

3. การปรับชุดพฤติกรรม ไม่เอาเชื้อโควิด-19 มาอยู่ที่ตัวเรา เพื่อควบคุมการระบาด

report03 01 8

หลายประเทศไม่ยินยอมปรับตัว ทำให้ตัวเลขเพิ่มหลักหมื่น หลักแสน จนต่อมาต้องปรับตัว ออกมาตรการต่างๆคล้ายกับไทย ซึ่งเราออกมาก่อนตั้งแต่แรก หากไทยออกมาตรการช้า คงไม่แตกต่างจากประเทศอื่น ที่มีการระบาดวงกว้าง อีกด้านหนึ่งแม้ออกมาตรการได้เร็ว แต่ยกเลิกเร็ว ก็กลับไปเหมือนประเทศอื่น “การ์ดตก ก็จบ ทันที”

นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่า เราเริ่มใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 26 มีนาคม วันนี้ครบ 1 เดือน ชุดข้อมูลต่างๆ ทำให้เราเข้าใจสถานการณ์ และเผชิญหน้ากับสถานการณ์ร่วมกัน พิสูจน์ว่า 1 เดือน ประชาชนร่วมมืออย่างดี ระยะต่อไปก็เป็นหน้าที่ของเราทุกคน ที่จะประคองสถานการณ์ การ์ดต้องไม่ตก ขอให้ทุกคนปรับตัว อย่าลืมว่าการปรับตัวของมนุษย์ ทำให้เราคงอยู่ เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีอายุหลายล้านปี สิ่งที่เกิดวันนี้ เป็นหายนะ แต่เราต้องปรับตัว และปรับตัวไปตลอด ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน และเราจะก้าวผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน

 

 

 

 

 

Avatar photo