Finance

เลือกซื้อหุ้นแบงก์ดักเทรนด์ดอกเบี้ยขาขึ้น!!

การที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.5% ต่อปี โดยคณะกรรมการเห็นว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ตามแรงส่งจากอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีทิศทางเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ ภาวะการเงินโดยรวมยังอยู่ในระดับผ่อนคลาย และเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แต่ทั้งนี้ ยังต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงที่อาจสะสมความเปราะบางในระบบการเงินได้ในอนาคต โดยเฉพาะจากภาวะการเงินที่ผ่อนคลายเป็นเวลานาน

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการเห็นว่า เศรษฐกิจไทยในภาพรวมที่ขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งจากปัจจัยด้านต่างประเทศ และในประเทศ รวมทั้งในการประชุมช่วง 2 ครั้งที่ผ่านมา พบว่า ความจำเป็นในการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยระดับต่ำเริ่มมีความจำเป็นน้อยลง

สถานะหุ้นกลุ่มธนาคาร 01

ขณะที่ธนาคารพาณิชย์เริ่มมีความเห็นต่างและได้ทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว ซึ่งโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ประเมินว่า เริ่มเข้าสู่ภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นแล้ว ดังนั้นก่อนที่จะมีความชัดเจน จึงแนะนำให้ผู้ลงทุนทยอยสะสมหุ้นแบงก์ เพราะเมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นหุ้นธนาคารก็จะได้รับอานิสงส์โดยตรงในทันที

บล.เอเซียพลัส มีความเห็นว่าการที่สถาบันการเงินในประเทศนำร่องขึ้นดอกเบี้ยไปก่อนแล้ว อาทิ SCB ขึ้นอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน 0.05% และขึ้นดอกเบี้ยสินเชื่อรถยนต์ใหม่ 0.5-1% (มีผล 15 ส.ค. นี้) เช่นเดียวกับ TCAP ก่อนหน้านี้ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น  เชื่อว่าหลังจากนี้ธนาคารแห่งอื่นๆ จะทยอยปรับดอกเบี้ยขึ้นตาม ซึ่งดีต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร

ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยประเมินว่าทุก 0.25% ของการอัตราดอกเบี้ย จะทำให้กำไรสุทธิปี 2562 ของกลุ่มฯ เพิ่มขึ้น 5.6% โดย KTB กำไรเพิ่มขึ้นสูงสุด 11.71% ตามด้วย BBL 8.07% TMB 7.99% และ LHFG 5.82% ตรงข้ามกับ BAY, TISCO, KKP และ TCAP ที่ได้ประโยชน์ค่อนข้างจำกัดเนื่องจากมีสัดส่วนโครงสร้างสินเชื่อ กับเงินฝากและเงินกู้ยืมที่เป็นลอยตัวน้อยกว่าคงที่ เมื่อรวมกับปัจจัยพื้นฐาน จึงยังแนะนำ BBL

อดิสรณ์ มุ่งพาลชล นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) มีความเห็นว่าตอนนี้มีธนาคารบางแห่งได้ทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในด้านเงินกู้ไปแล้ว ซึ่งเป็นเพียงการปรับดอกเบี้ยในบางประเภทเท่านั้น เบื้องต้นยังไม่ได้มีนัยสำคัญต่อผลประกอบการของกลุ่มธนาคาร จึงยังไม่ได้มีการปรับประมาณการผลประกอบการหรือจะเปลี่ยนคำแนะนำในการลงทุนหุ้นธนาคาร เพราะที่ผ่านมา ฝ่ายวิเคราะห์ได้เพิ่มน้ำหนักการลงทนมาระยะหนึ่งแล้ว

ภาพรวมกำไรกลุ่มแบงก์ปีนี้คาดว่าจะเติบโตประมาณ 12% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความสามารถในการขยายสินเชื่อยังเติบโตได้ดี ขณะที่ระดับเอ็นพีแอลน่าจะลดลงต่อเนื่องทำให้แบงก์ไม่ต้องตั้งสำรองในระดับที่สูงจึงช่วยลดภาระ และมองว่าหุ้นแบงก์ BBLยังเป็ฯหุ้นเด่นในกลุ่ม เพราะประเมินว่าครึ่งปีหลังสินเชื่อรายใหญ่น่าจะเติบโตได้ดี”

สถานะหุ้นกลุ่มธนาคารv2 01

บล.กรุงศรี ระบุว่า ขณะนี้กลุ่มธนาคารพาณิชย์มองต่างมุม กับกนง.และได้เริ่มทยอยขึ้นดอกเบี้ย  ซึ่งคาดว่าจะเป็นบวกต่อผลการดำเนินงานในระยะถัดไป โดยเฉพาะหุ้น BBL, TMB และ KKP

การที่แบงก์ชาติจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.5% ตามเดิม เนื่องจากต้องการประคับประคองให้เศรษฐกิจฟื้นตัว และ แรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตามภาคธนาคารเริ่มมองต่างโดยเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้นแล้ว สะท้อนผ่านการเริ่มทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของแบงก์ต่างๆในช่วงที่ผ่านมา เช่น การปรับขึ้นอัตราเบี้ยเงินกู้เพื่อซื้อบ้านและเช่าซื้อรถยนต์ ฝ่ายวิจัยมองการการทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของภาคธนาคารจะส่งผลบวกต่อผลกำไรในระยะถัดไป กลุ่มธนาคารเลือลงทุนได้แก่ หุ้น BBL, TMB และ KKP

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย)ได้คาดการณ์ผลประกอบการครึ่งปีหลังของกลุ่มแบงก์ โดยกำไรสุทธิครึ่งปีหลังปีนี้ยังคงเติบโตจากงวดเดียวกันปีก่อน โดยแนวโน้มสินเชื่อขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคธุรกิจขนาดใหญ่ และสินเชื่อรายย่อย ส่วน SME คาดเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป  ขณะที่ NIM ขยับขึ้นเล็กน้อย และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย โตตามกำไรจากการขายเงินลงทุน

นอกจากนี้ฝ่ายวิจัยคาดกำไรไตรมาส 4ปี 2561 จะเติบโตจากงวดเดียวกันปีก่อนเด่นที่สุดในปีนี้ จากการตั้งสำรองลดลงจากปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งธนาคารขนาดใหญ่อย่าง KBANK, SCB และ KTB เร่งตั้งสำรองพิเศษเพื่อรองรับมาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9 ในไตรมาส 1ปี 2560 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม คาดว่า กำไรทรงตัวหากเทียบกับครึ่งปีแรกแม้รายได้ดอกเบี้ยและรายได้ไม่ใช่ดอกเบี้ยจะดีขึ้นแต่ชดเชยด้วยค่าใช่จ่ายในการดำเนินงานสูงขึ้นด้วยปัจจัยฤดูกาล และค่าใช้จ่ายลงทุน IT เพิ่มขึ้น บางธนาคารอย่าง SCB และ KTB

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยได้ ปรับน้ำหนักการลงทุนกลุ่มธนาคารจาก “เท่ากับตลาด” เป็น “มากกว่าตลาด” จากผลกระทบการยกเว้นค่าธรรมเนียมต่อกำไรไตรมาส 2ปี2561 ไม่ได้มากอย่างที่คาดก่อนหน้า ได้ตัวช่วยจากกำไรเงินลงทุน และสำรองที่ลดลง ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้ว ส่วนคาดกำไรสุทธิกลุ่มธนาคารเติบโต 6.7% ในปี 2561 และกลุ่มธนาคารซื้อขายราคาเทียบมูลค่าตามบัญชี( PBV) 1.1 เท่า หุ้นที่แนะนำของกลุ่มธนาคารเลือก KBANK, BBL จากกำไรสุทธิปี 2561 คาดเติบโตเด่น 2 อันดับแรก และ KKP มี โอกาสปรับตัวขึ้น(Upside) ที่ยังไม่ถูกรวมในประมาณการจากค่าธรรมเนียมการระดมทุนไอพีโอ

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight