COVID-19

‘อนุทิน’ จี้ 3 เดือน คลอดพิมพ์เขียววัคซีน ถก 2 แบงก์ลดดอกเบี้ยลูกจ้าง สธ.

“หมอหนู” สั่งทุกกรุมฯ สุมหัว เร่งพิมพ์เขียววัคซีนให้เสร็จภายใน 3 เดือน พร้อมเจรจาธนาคารออมสิน-กรุงไทย ลดดอกเบี้ยบุคคลากรทางการแพทย์เพิ่ม

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติว่า ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์เห็นชอบเดินหน้าพิมพ์เขียวแผนการทำวัคซีนโควิด-19 เพื่อใช้ในการลดอัตราการเสียชีวิตและป่วยในประชาชน โดยต้องเร่งให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน จากเดิมกรอบระยะเวลา 6 เดือน

S 27205638

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมยังมีมติสนับสนุนทำแผนการทดลอง และจัดให้มีการทำความร่วมมือกันในระดับประเทศในการผลิตวัคซีน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการติดต่อกับสถาบันวิทยาศาสตร์ในไทยและต่างประเทศเพื่อลงนามในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู)​ เพื่อพัฒนาวิจัยวัคซีน โดยกำชับให้ศึกษาเกี่ยวกับเอ็มโอยูต่างๆ อย่าให้มีการเอาเปรียบกันระหว่างคู่สัญญา และอย่าให้ไทยได้เข้าถึงวัคซีนช้ากว่าคนอื่น

“โควิด-19 จะเลิกรังควาญผู้คนก็ต่อเมื่อเราได้วัคซีนแล้ว ทุกกรมต้องสุมหัวกันพัฒนาวัคซีนมาให้ได้ ประเทศไทยจะต้องเป็นพระเอกในการพัฒนาวัคซีนให้ได้ และหากมีประเทศใดในโลกนี้ที่วิจัยพัฒนาวัคซีนโควิด-19 สำเร็จ ประเทศไทยก็จะติดต่อขอซื้อเพื่อให้ประชาชนของไทยปลอดภัยแน่นอน แต่ว่าขณะนี้ยังไม่มี” นายอนุทินกล่าว

นอกจากนี้ ยังได้หารือร่วมกับธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย เรื่องลดดอกเบี้ยเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับบุคคลากรทางการแพทย์ โดยขอให้ทั้งสองธนาคารกลับไปพิจารณามาตรการช่วยเหลือลูกจ้าง สธ. ด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ พนักงานของ สธ.เป็นลูกจ้างที่มีรายได้ที่มั่นคง ไม่ใช่คนกลุ่มที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการลงทุน จึงไม่มีความเสี่ยงด้านการเงิน

ด้านนพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ร่วมกับจีน คาดว่าน่าจะมีความก้าวหน้า โดยไทยจะรับต่อยอดทดสอบการวิจัยในคน ในระยะ 1-2-3 ซึ่งมีความแตกต่างกันจำนวนคนที่เข้าร่วมศึกษาวิจัยวัคซีนเพราะเป็นการทดลองในกึ่งอุตสาหกรรม ย่อมต้องใช้ปริมาณคนจำนวนมาก

ทั้งนี้เชื่อว่า จากความสัมพันธ์อันดีของ 2 ประเทศ อีกทั้งไทยเป็นหนึ่งในประเทศต้นๆที่ให้การช่วยเหลือจีน จะมีส่วนช่วยให้ไทยได้รับวัคซีนหากสำเร็จ แต่ก็ต้องเข้าใจสถานการณ์ว่าประเทศที่กำลังพัฒนาวัคซีนทั่วโลกมีแค่ จีนและสหรัฐอเมริกาเท่านั้นและในจีนก็มีการทดลองวัคซีน มากกว่า 1 ตัวอย่าง

อย่างไรก็ตามการพึ่งพาประเทศอื่น อาจไม่เท่ากับพึ่งพาตนเอง โดยยืนยันว่าเรื่องนี้ไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ในการพัฒนาวัคซีนแล้ว

Avatar photo