COVID-19

เปิดสาเหตุ ‘เอกวาดอร์’ เจอ ‘ศพเกลื่อน’ ส่อเค้า ‘เหยื่อโควิด-19’ มากสุดในลาตินอเมริกา

“กัวยัส” ไม่เพียงเป็นจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รุนแรงที่สุดใน “เอกวาดอร์” แต่ยังเป็นพื้นที่ระบาดรุนแรงที่สุดในภูมิภาคลาตินอเมริกาอีกด้วย

ภาพของศพที่ถูกนำมาทิ้งไว้ตามริมถนน หรือศพที่ถูกเก็บไว้ตามบ้านเรือน เพื่อรอนำไปประกอบพิธีฝังจนเริ่มเน่าเปื่อยส่งกลิ่นเหม็น สร้างความสลดหดหู่ใจให้แก่ผู้ที่ได้เห็น แต่เมื่อทางการเปิดเผยตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศว่ามีเพียง 400 กว่าราย กลับสร้างความประหลาดใจ และเมื่อมีการนำข้อมูลดังกล่าวไปเปรียบเทียบและพินิจพิเคราะห์อย่างละเอียด ก็ทำให้ความจริงที่น่าตกใจถูกเปิดเผยขึ้น

guayas

เอกวาดอร์ มีประชากร 17 ล้านคน ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทวีปอเมริกาใต้  ซึ่งการที่ที่ตั้งของประเทศ มีเส้นศูนย์สูตรพาดผ่าน ทำให้มีชื่อเป็นภาษาสเปน ที่แปลว่า เส้นศูนย์สูตร และจัดเป็นประเทศรายได้ปานกลาง มีรายได้ต่อหัวประชากรต่อปีที่ 11,420 ดอลลาร์ หรือราว 365,000 บาท สูงกว่าฟิลิปปินส์เล็กน้อย แต่น้อยกว่าไทยมาก

คณะทำงานเฉพาะกิจไวรัสโควิด-19 ของเอกวาดอร์ เปิดเผยว่า จังหวัดกัวยัสมีผู้เสียชีวิตกว่า 6,700 ราย ในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือนเมษายน  ซึ่งมากกว่ายอดผู้เสียชีวิตรายเดือนในช่วงเวลาปกติเกือบ 6,000 ราย

ตัวเลขดังกล่าวไม่ใช่ผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มาจากสาเหตุการตายอื่น ๆ ด้วย เพราะวิกฤติโรคระบาดที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ระบบสาธารณสุขท้องถิ่น ต้องเผชิญกับคลื่นคนไข้ที่ไหลบ่า และทำให้ผู้ป่วยด้วยโรคภัยไข้เจ็บอื่น ๆ ไม่ได้รับการรักษาที่จำเป็นได้อย่างทันท่วงที

กัวยากิล เมืองแห่งความตาย 

แคตตี เมฆิอา พนักงานห้องดับจิตแห่งหนึ่งในเมืองกัวยากิล เมืองเอกของจังหวัดกัวยัส และเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของเอกวาดอร์ เล่าว่า

“เราพบศพผู้คนอยู่ในรถยนต์ รถพยาบาล ตามบ้านเรือน และท้องถนน  สาเหตุหนึ่งคือเมื่อพวกเขาถูกนำส่งโรงพยาบาล แต่โรงพยาบาลไม่รับรักษา เพราะเตียงไม่พอ”

วิกฤติไวรัสที่เกิดขึ้น ส่งผลให้บรรดาห้องดับจิตในเมืองที่มีประชากรกว่า 2.5 ล้านคนแห่งนี้ มีศพล้นจนจัดการไม่ทัน และส่วนใหญ่ต้องปิดให้บริการลงชั่วคราว เพราะพนักงานกลัวว่าจะติดเชื้อ ทำให้ญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตต้องเก็บศพของพวกเขาไว้ที่บ้านระหว่างที่รอนำไปฝัง บ้างก็ปล่อยศพทิ้งไว้บนเตียงนานหลายวัน

GettyImages 1209598945

ผู้คนที่ล้มตายจำนวนมาก ทำให้สุสานในเมืองกัวยากิลมีที่ไม่พอฝังศพ ส่งผลให้ชาวบ้านต้องนำศพญาติพี่น้องของตนไปประกอบพิธีฝังในเมืองข้างเคียงแทน

ปัญหาดังกล่าวยังทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนโลงศพ จนชาวบ้านต้องใช้โลงกระดาษแข็งแทนโลงไม้ และยังมีการเกณฑ์นักโทษในพื้นที่มาช่วยกันผลิตโลงศพไม้เพื่อรองรับความต้องการที่พุ่งสูงขึ้น

ประธานาธิบดีเลนิน โมเรโน ของเอกวาดอร์ ยอมรับว่า รัฐบาลล้มเหลวในการจัดการกับเหตุฉุกเฉินทางสาธารณสุขครั้งนี้ ซึ่งนับถึงเมื่อวานนี้ (20 เม.ย.) ตัวเลขผู้เสียชีวิตจาการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเป็นทางการของเอกวาดอร์ อยู่ที่ 507 ราย เพิ่มขึ้น 33 รายจากวันก่อน และมียอดสะสมผู้ติดเชื้อทั่วประเทศอย่างเป็นทางการที่ 10,128 คน

แต่นายฆอร์เก วอเต็ด หัวหน้าคณะทำงานเฉพาะกิจไวรัสโคโรนา ของเอกวาดอร์ ระบุว่า ข้อมูลที่ได้รับจากกระทรวงมหาดไทย สุสาน ทะเบียนราษฎร์ และทีมงานประเมินได้ว่า จังหวัดกัวยัสมีผู้เสียชีวิต 6,703 ราย ในช่วง 15 วันแรกของเดือน เมษายน  จากปกติที่จะมีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยเดือนละ 2,000 คน ดังนั้น จึงมีผู้เสียชีวิตมากกว่าปกติถึง 5,700 คน

อย่างไรก็ตาม ผู้เสียชีวิตที่พบไม่ได้มีสาเหตุการตายจากโรคโควิด-19 ทั้งหมด บางรายเสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลว ปัญหาเกี่ยวกับไต และเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์อื่น ๆ เพราะไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม เนื่องจากปัญหาคนไข้ล้นโรงพยาบาล

werrr

ผลกระทบต่อเนื่อง

สิ่งที่เกิดขึ้นในเอกวาดอร์ ทำให้เกิดคำถามว่า โรคระบาดครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อเนื่องแบบเดียวกันในประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคลาตินอเมริกา และพื้นที่อื่นในโลกที่มีระบบสาธารณสุขอ่อนแอหรือไม่

ในเมืองอู่ฮั่น ของจีน สถานที่ที่พบเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นที่แรกของโลก ทางการได้ปรับเพิ่มตัวเลขผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ขึ้นจากเดิมถึง 50% ซึ่งเป็นระดับที่น่าตกใจ

ส่วนสเปน หนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดในยุโรป ก็มีความขัดแย้งกันในวิธีการรวบรวม และเปิดเผยข้อมูลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในระดับท้องถิ่น และในระดับชาติ

ดร.คาร์โลส มอว์ยิน บอกว่า หน่วยงานสาธารณสุขของเอกวาดอร์มักรายงานข้อมูลต่ำกว่าความเป็นจริงอยู่แล้ว ซึ่งถือเป็น 1 ในจุดอ่อนที่สุดของหน่วยงานรัฐในประเทศ  เขายังมองว่า ปัจจัยต่าง ๆ ในเอกวาดอร์ จะทำให้ประเทศต้องเผชิญกับวิกฤติโควิด-19 ขั้นรุนแรงที่สุด

แม้ว่าทางการเอกวาดอร์ได้ประกาศขยายมาตรการห้ามประชาชนออกนอกเคหะสถานในยามวิกาล และให้คำมั่นจะเพิ่มการตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19 ในผู้ป่วยให้มากขึ้น แต่สำหรับผู้คนในเมืองกัวยากิลที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป นี่อาจเป็นเรื่องที่สายเกินไปเสียแล้ว

ที่มา :  BBC Thai

Avatar photo