มาตรา 44 ส่งผล ก่อตั้งมหาวิทยาลัยศักยภาพสูงเพื่อรองรับการเติบโตของนโยบายประเทศไทย 4.0 กับ “CMKL University” หรือมหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอลภายใต้ความร่วมมือระหว่าง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังและมหาวิทยาลัยคาร์เนกี้ เมลลอน จากสหรัฐอเมริกา โดยใช้หลักเกณฑ์ รูปแบบ วิธีการและเงื่อนไขในการดำเนินการจัดการศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศและดำเนินการตามขั้นตอนของหลักเกณฑ์และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยมี “ศาสตราจารย์พิเศษสุรเกียรติ์ เสถียรไทย” นั่งแท่นนายกสภามหาวิทยาลัย
โดยความเคลื่อนไหวล่าสุดของปีการศึกษาแรกนั้น ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เปิดเผยกับทีมงาน The Bangkok Insight ว่า นักศึกษารุ่นแรกได้เดินทางไปยังมหาวิทยาลัยคาร์เนกี้ เมลลอน แล้วเป็นที่เรียบร้อย และจะศึกษา ณ สหรัฐอเมริกาเป็นเวลาหนึ่งปี จึงจะกลับมาทำวิจัยที่ประเทศไทย
สำหรับที่มาของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ และเป็นแห่งเดียวในภูมิภาคเอเชียที่ผู้เรียนจะได้รับปริญญาของคาร์เนกี้ เมลลอนนั้น ดร.สุชัชวีร์เล่าว่า เป็นความตั้งใจที่จะพัฒนามหาวิทยาลัยอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สู้กับประเทศต่าง ๆ รอบตัวให้ได้
“ตั้งแต่เมื่อสามปีที่แล้ว เราอยากจะสู้กับสิงคโปร์มาก เคล็ดลับของเขาคือพยายามเชิญคนเก่ง ๆ มาอยู่ที่สิงคโปร์ เราก็คิดว่าถ้าจะสู้กับสิงคโปร์ให้ได้ เราต้องคบกับคนที่เก่งกว่าที่มีในสิงคโปร์ นั่นจึงเป็นที่มาของการจับมือกับคาร์เนกี้ เมลลอน ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาแห่งแรกของโลกที่พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ ตั้งแต่ปียุค’60”
สำหรับ CMKL University นั้นถูกจัดเป็นมหาวิทยาลัยศักยภาพสูง ที่มีรูปแบบการเรียนคือเรียนฟรี เนื่องจากมีผู้ให้การสนับสนุนเป็นภาคธุรกิจยักษ์ใหญ่อย่างเบทาโกร และไทยเบฟ รองรับการผลิตบุคลากรระดับปริญญาโท และปริญญาเอก โดยทั้งหมดจะต้องทำซูเปอร์รีเสิร์ช ร่วมกับอาจารย์จากคาร์เนกี้ เมลลอนที่จะบินมาร่วมสอนที่ประเทศไทยด้วย และไม่มีผลผูกพันว่าต้องใช้ทุนใด ๆ ทั้งสิ้น
“เราหวังให้คนเก่ง ๆ ในไทยได้ทำงานวิจัยระดับโลก กับบุคลากรระดับโลก แล้วเป็นงานวิจัยที่ทำเพื่อประเทศไทย หรืออีกนัยหนึ่งอาจกล่าวได้ว่า ซูเปอร์รีเสิร์ชคืองานวิจัยที่ต้องตอบโจทย์ประเทศไทยจริง ๆ มีการนำบิ๊กดาต้า เอไอ เข้ามาร่วมด้วย อย่างเรื่องการสมาร์ทฟาร์มมิ่ง สมาร์ทปศุสัตว์ ก็ต้องลงลึก และวิจัยเพื่ออุตสาหกรรมนี้อย่างแท้จริง สามารถทำฟาร์มขนาดใหญ่ หรือเมกะฟาร์มได้ เอาเทคโนโลยีเข้ามาตอบโจทย์”
“ตอนไปคุยกับเขานั้นยากมาก เพราะสิงคโปร์ และมาเลเซียก็ไปคุยกับเขาเหมือนกัน แต่เขาพูดมาคำหนึ่งว่า เด็กไทยที่มาเรียนกับเรา (คาร์เนกี้) ไม่เคยทำให้เราผิดหวัง เด็กไทยตั้งใจเรียนหนังสือ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีน้ำใจช่วยงานอาจารย์ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจมาจับมือกับประเทศไทย”
ทั้งนี้ รูปแบบของการเรียนนั้น หากเป็นระดับปริญญาโท จะต้องไปเรียนที่สหรัฐอเมริกา 1 ปี ก่อนจะกลับมาทำงานวิจัยที่ประเทศไทยอีก 1 ปี ส่วนถ้าเป็นปริญญาเอก จะไปเรียน 2 – 2.5 ปี และกลับมาทำวิจัยอีก 2 – 3 ปีจึงจะจบหลักสูตร
“การสร้างคนระดับนี้ถือว่าเป็นการลงทุนที่สูงมาก และถึงแม้ว่าระยะแรกจะยังไม่สามารถรับเด็กเยอะ ๆ ได้ แต่มันก็เป็นทางเลือกหนึ่งให้มองเห็นว่า มหาวิทยาลัยไทยไม่ยอมแพ้ เราต้องการปรับตัว ต้องการเปลี่ยนแปลงในการสร้างคน” ดร.สุชัชวีร์กล่าวปิดท้าย
สำหรับมหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอลนั้นเบื้องต้นจะเปิดสอน 3 หลักสูตรได้แก่ ปริญญาเอก ด้านวิศวกรรมไฟฟ้า และวิศวกรรมคอมพิวเตอร์, ปริญญาโท ด้านวิศวกรรมไฟฟ้า และวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ และ ปริญญาโท ด้านวิศวกรรมซอฟแวร์
โดยล่าสุด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธาน คพอต. ได้มีมติแต่งตั้งนายกสภามหาวิทยาลัย และกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิของมหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล ดังนี้
- ศาสตราจารย์พิเศษ สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายกสภามหาวิทยาลัย
- ศาสตราจารย์สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อุปนายกสภามหาวิทยาลัย
- นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการสภามหาวิทยาลัย
- นายวนัส แต้ไพสิฐพงษ์ กรรมการสภามหาวิทยาลัย
- ศาสตราจารย์เดวิด เคนเนดี กรรมการสภามหาวิทยาลัย
- ศาสตราจารย์โจเซ มัวรา กรรมการสภามหาวิทยาลัย
- นายแอลเลน กูดแมน กรรมการสภามหาวิทยาลัย
- นายอัลเฟรด กูเซนบาวเออร์ กรรมการสภามหาวิทยาลัย
- นายสราวุธ เบญจกุล กรรมการสภามหาวิทยาลัย
- นายสมชัย สัจจพงษ์ กรรมการสภามหาวิทยาลัย
- นายจรูญเดช เจนจรัสสกุล กรรมการสภามหาวิทยาลัย
- ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุพันธุ์ ตั้งจิตกุศลมั่น กรรมการสภามหาวิทยาลัยและเลขานุการ