ตลาดรถยนต์ของจีนเดือนกรกฎาคมหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งปี นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2560 หลังจีน – สหรัฐ เปิดสงครามการค้ารอบใหม่ ด้านชาวจีนเมินรถยนต์สัญชาติอเมริกันมากขึ้น
ยอดขายรถยนต์ใหม่ของจีนในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาลดลง 4% เหลือ 1,889,100 คัน ทั้งนี้มีรายงานด้วยว่า ความไม่เชื่อมั่นในสภาพเศรษฐกิจก็มีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถยนต์เช่นกัน
หากจำแนกเป็นตลาดพบว่า รถยนต์โดยสารมียอดขายลดลง 5.3% เหลือ 1,589,500 คัน และค่าย GM ที่ร่วมทุนกับ SAIC นั้นมียอดขายลดลง 5% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่สองแล้ว ส่วนค่ายฟอร์ดพบว่าลดลงถึง 32%
อย่างไรก็ดี ตัวเลขนี้เกิดเฉพาะผู้ประกอบการจากสหรัฐเท่านั้น เพราะยอดขายรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น และเยอรมนีนั้น ยังเติบโตด้วยดี การตั้งกำแพงภาษีระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาจึงอาจเป็นการทำร้ายธุรกิจของสหรัฐอเมริกาเองแล้วก็เป็นได้
ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ รถยนต์ของค่ายเทสลาที่มีราคาเพิ่มขึ้น 20% (เฉพาะโมเดล S และโมเดล X)
อย่างไรก็ดี ปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจเป็นไปได้ตามการรายงานของ Nikkei Asian Review ก็คือ ราคาที่ดินในจีนที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคในจีนแผ่นดินใหญ่จะให้ความสำคัญกับการซื้อคอนโดมิเนียมก่อนซื้อรถนั่นเอง