ประธานาธิบดีเตย์ยิป เออร์โดแกน ของตุรกี ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนนำทองคำ และเงินดอลลาร์ออกมาขาย เพื่อสนับสนุนค่าเงินของประเทศ ที่ดิ่งลงอย่างหนัก หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีอลูมิเนียม และโลหะ นำเข้าจากตุรกีถึง 2 เท่า
“ถ้าหากคุณมีดอลลาร์ ยูโร หรือทองคำเก็บไว้ใต้หมอน ช่วยกันนำออกไปยังธนาคาร เพื่อแลกให้เป็นเงินลีราตุรกี มันเป็นการต่อสู้เพื่อชาติ”
ผู้นำตุรกี ยังให้คำมั่นว่า จะต้องมีการตอบโต้กลับต่อเหล่าผู้ประกาศสงครามทางเศรษฐกิจ พร้อมกล่าวโทษวิกฤติที่เกิดขึ้นในตุรกี ว่าเป็นผลมาจากสิ่งที่เขาอธิบายว่าเป็นเหมือนกับการล็อบบี้ดอกเบี้ย ในความพยายามที่จะบีบตุรกีให้ปรับอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น
ที่ผ่านมา เงินลีราตุรกีอ่อนค่าลงอย่างต่อเรื่อง ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับอิทธิพลของนายเออร์โดแกน ที่มีต่อนโยบายการเงิน และความสัมพันธ์กับสหรัฐ ชาติพันธมิตรในองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต)
แต่เมื่อวานนี้ (10 ส.ค.) ค่าเงินลีราอ่อนค่าลงอย่างหนักภายในวันเดียว โดยมีอยู่ช่วงหนึ่งร่วงลงไปถึง 18% เป็นการอ่อนค่าลงภายในวันเดียวครั้งใหญ่สุด นับแต่ที่เกิดวิกฤติการเงินในตุรกี เมื่อปี 2544
ประธานาธิบดีทรัมป์ สร้างแรงตื่นตระหนกให้กับตลาดเงิน จากการทวีตประกาศขึ้นภาษีศุลกากรดังกล่าว พร้อมระบุว่าเป็นมาตรวัดที่ดี ที่เงินลีราอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าอย่างมาก
ผู้นำสหรัฐ ระบุด้วยว่า ในขณะนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ กับตุรกี ไม่ค่อยดีนัก
อย่างไรก็ดี นายเออร์โดแกน กล่าวว่า ชาวตุรกีไม่ควรจะตื่นตระหนกจนเกินไปต่อการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ พร้อมเสริมว่า ตุรกียังมีทางเลือกอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นอิหร่าน รัสเซีย จีน และบางประเทศในยุโรป
ทำเนียบประธานาธิบดีตุรกี เปิดเผยด้วยว่า เมื่อวานนี้ นายเออร์โดแกน ยังได้ต่อสายโทรศัพท์หารือกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย เกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจ การค้า และวิกฤติซีเรีย
