COVID-19

รอก่อน!! ยังไม่เคาะ ปลดล็อกสถานการณ์ฉุกเฉิน 1 พฤษภาคม

ศบค.  รอนายกฯ ประเมินสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ปลายเมษายน อย่าตีความเอง อาจจะยุติหรือไปต่อ ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมคนไทย

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวถึงกรณีที่มีสถานประกอบการบางแห่งเตรียมพร้อมจะเปิดบริการในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ว่า ต้องรอมติที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็น ผอ.ศบค. โดยต้องใช้ชุดข้อมูลต่างๆ รวมถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในช่วงเวลาใกล้ๆ วันที่ 30 เมษายนเป็นตัวบอก

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน

ทั้งนี้ การที่มีสถานบริการบางแห่งเตรียมเปิดให้บริการนั้น อาจเป็นการตีความจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จะหมดอายุในวันที่ 30 เมษายน 2563 แต่ยังไม่ได้บอกว่าจะยุติแค่ตรงนี้หรือบวกเพิ่มต่อ ดังนั้น ภาคธุรกิจจึงควรเตรียมพร้อมไว้ทั้ง 2 กรณี คือ อาจปิดต่อหรือเปิด ซึ่งขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของคนไทยด้วย

ขณะที่การจะทำให้เกิดความมั่นใจในเรื่องการควบคุมโรคไวรัส-19 นั้น คนไทยต้องร่วมมือกันมากกว่า 90% ถึงจะกดการติดเชื้อได้ ซึ่งจากที่ผ่านมามีผู้ป่วยแต่ละวัน 30 ราย ถือว่าอยู่ในความพึงพอใจระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ดีเพียงพอ ที่ควรต้องต่ำกว่า 10 รายให้ได้ ต้องเกิดเชื้อรายใหม่ให้น้อย จะตรึงหรือหย่อนเป็นเรื่องของการบริหารสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อน

ในส่วนของการต่อคิวรอรับของบริจาค  ต้องยึดหลักการคือ เว้นระยะห่าง ใส่หน้ากากอนามัย ต้องสงสัยว่าทุกคนมีโอกาสแพร่เชื้อ จึงขอให้ทุกคนเตรียมความพร้อมให้ดีที่สุดทั้งส่วนตัวและสังคม ที่ต้องไปในทิศทางเดียวกัน และทำให้เป็นพฤติกรรมใหม่ที่เป็นปกติ

สำหรับผู้ที่จะบริจาคและแจกจ่ายสิ่งของให้ประชาชนนั้น เป็นเรื่องที่ต้องพยายามจัดสมดุลให้ดี การช่วยเหลือนั้นดี แต่ต้องดีขึ้นอีก คือ ประสานกับหน่วยงานของรัฐหรือเชื่อมโยงกับฝ่ายปกครองในพื้นที่เพื่อวางแผนจัดลำดับให้ดี ให้เกิดการชุมนุมของคนน้อยที่สุด และมีระยะห่างที่เหมาะสม ไม่ให้เกิดกระบวนการแย่งชิง ซึ่งภาครัฐเข้ามาช่วยในแง่ของความเป็นระเบียบเรียบร้อย

Avatar photo