The Bangkok Insight

วัยเกษียณหัวใจสู้ ‘ลุงพันธ์’ ขับแกร็บส่งอาหาร ขอเพียงไม่ยอมแพ้

การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นับได้ว่าเป็นวิกฤติครั้งสำคัญของประเทศที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนมากมาย คนกรุงส่วนใหญ่ได้เรียนรู้ที่จะปรับตัวและใช้ชีวิตในรูปแบบของการทำงานจากบ้าน หรือ Work from Home แต่สำหรับใครอีกหลายๆ คน กลับไม่ได้โชคดีอย่างนั้น เพราะ มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ต้องถูกพักงาน และบางคนก็ไม่มีงานให้กลับไปทำอีกแล้ว

ใครที่กำลังสิ้นหวังกับสภาวการณ์ที่ไม่แน่นอนอยู่นั้น ลองมารู้จักชีวิตของนักสู้วัยเกษียณ ที่ไม่ยอมแพ้อย่าง “ลุงพันธ์” อาจทำให้จุดประกายนักสู้ที่ไม่ยอมแพ่แล้วลุกขึ้นมาอีกครั้ง

นายจักรพันธ์ ช้อยสุชาติ 4

“ลุงพันธ์” หรือ นายจักรพันธ์ ช้อยสุชาติ วัย 65 ปี จากงานรับจ้างอิสระเป็นคนคุมงานก่อสร้าง ทำให้มีรายได้ที่ไม่แน่นอน จนถึงชีวิตหลังเกษียณจึงไม่ มีเงินเก็บมากนัก และเงินสนับสนุนเพียงเดือนละหกร้อยบาทที่ได้รับจากภาครัฐก็ไม่เพียงพอที่จะจุนเจือครอบครัว ทำให้ ลุงพันธ์ ตัดสินใจมาทำงานเป็นพนักงานส่งอาหารผ่านแกร็บตั้งแต่เดือนกันยายน 2562 ที่ผ่านมา

“โชคดีที่แกร็บไม่มีการกำหนดอายุของพาร์ทเนอร์คนขับ ผมเลยได้โอกาสกลับมาทำงานอีกครั้ง จนตอนนี้ก็ขับมาได้ 6-7 เดือนแล้ว การได้ออกไปข้างนอกทุกวันทำให้ ไม่เหงา แถมยังมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัวเพิ่มขึ้นด้วย”

ช่วงที่เริ่มทำงานใหม่ๆ ถือว่ารายได้ค่อนข้างดี โดยลุงมักจะขี่รถส่งอาหารบริเวณห้างเซ็นทรัล พลาซ่า เวสต์เกต ไปให้กับลูกค้าบริเวณใกล้เคียงในทุกๆ วัน แต่พอเจอโรคระบาดโควิด-19 รายได้ก็ลดลงไป ถึงแม้ว่ายังมีลูกค้าสั่งอยู่สม่ำเสมอ แต่ตอนนี้มีคนมาขี่แกร็บส่งอาหารมากขึ้น ทำให้ต้องกระจายรายได้กันไป ทุกวันนี้ลุงพันธ์ขับวันละประมาณ 10 เที่ยว ก็มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 500-600 บาทต่อวัน

ลุงพันธ์

แม้ว่าอายุจะเข้าสู่วัยสูงอายุ แต่ด้วยความที่หมั่นศึกษาวิธีใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่อยู่เสมอ เมื่ออยากจะลองขับรถส่งอาหารผ่านแกร็บ ก็ เข้าไปดูในเว็บไซต์เขาแล้วก็ลองสมัครออนไลน์ดู ก็พบว่าง่ายพอๆ กับเล่นโซเชียล ทำให้ลุงพันธ์ค้นพบว่า สิ่งที่สำคัญคือ ถึงแม้ว่าเรื่องเทคโนโลยีดูเหมือนจะเป็นเรื่องใหม่เรื่องยาก แต่ถ้ากล้าจะลองเรียนรู้ จะรู้ว่าไม่มีอะไรยากหากตั้งใจ

ด้วยวัย 65 ปี ลุงพันธ์ยังคงออกมาวิ่งงานหกวันต่อสัปดาห์ ตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึงสองทุ่ม โดยเหลือวันหยุดประจำสัปดาห์ไว้หนึ่งวันเพื่อดูแลทำงานบ้าน

“ผมพยายามไม่หักโหม วิ่งเท่าที่ร่างกายเราไหว อายุเราไม่ใช่น้อยแล้ว แถมสุขภาพก็ไม่ดีเหมือนก่อน เราจึงต้องรู้จักประมาณกำลังของตัวเอง สำหรับผมที่ออกไปขับรถเกือบทุกวัน ผมพยายามหาเวลาให้ตัวเองพักระหว่างวัน อย่างช่วงที่ยุ่งมากๆ เหมือนช่วงนี้ กว่าจะได้กินข้าวกลางวันบางทีก็ปาเข้าไปสี่โมงเย็นแล้ว แต่เมื่อถึงเวลาต้องกินก็จะพักเลย นอกจากนั้นแล้วก็ต้องมีวันหยุดพักผ่อนให้ตัวเอง เวลาพักผ่อนผมก็จะออกกำลังกาย ไม่ก็ทำงานบ้าน การซักผ้า หรือกวาดถูกบ้านก็ถือว่าเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง”

ลุงพันธ์ตอนไปส่งอาหารให้กับลูกค้า

สิ่งที่ลุงพันธ์อยากบอกเล่ากับคนวัยเกษียณด้วยกันคือ  ต้องระวังความคิด ให้ดี อย่าปล่อยให้ความคิดหรือความเครียดบอกเราว่าเราคือคนไร้ค่า หมดประโยชน์ ไม่อย่างนั้น จะจมดิ่งลงไป เมื่อไหร่ที่ตัวเองกำลังคิดอย่างนั้น ให้ลุกออกมา หาอะไรก็ได้ทำ ออกมาเจอคนอื่น เจอโลกข้างนอกบ้าง

“สำหรับผมของขวัญที่มากกว่ารายได้ ก็คือการที่ได้ออกมาพบกับลูกค้า กับเพื่อนร่วมอาชีพที่คอยให้มิตรภาพ ให้กำลังใจกัน ซึ่งช่วยได้มาก”

สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นช่วงเวลาที่ไม่เคยมีใครพบเจอมาก่อน ไม่มีใครรู้ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรต่อไป หรือจะจบเมื่อไหร่ หากแต่สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือ “หัวใจ” ของทุกคนที่ต้องต่อสู้อย่างไม่ท้อถอย เพราะถึงอย่างไรชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป แล้ว #เราจะผ่านมันไปด้วยกัน

Avatar photo